เพชรบูรณ์ - ดีเอสไอ-สำนักอนุรักษ์ที่ 11 พร้อม จนท.ที่ดินหล่มเก่าบุกตรวจหลักหมุด-โฉนดครุฑเขียว โผล่กลางป่าลุ่มน้ำก้อ-น้ำชุน 13 แปลง ซากเน่า “แปลงสินทรัพย์เป็นทุน” ยุค “แม้ว” พบส่วนใหญ่มีชื่อ 2 ผัวเมีย ขรก.กรมที่ดิน-กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าของ แต่จำนองต่อเกลี้ยง
วันนี้ (26 มี.ค.) นายสมพร ทิพย์โสตนัยนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 6 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ศปป.4 กอ.รมน. นายไพรัช มณีงาม ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สบอ.11 นายสุกรรณ์ สมโนชัย นายช่างรังวัดชำนาญงาน 5 ที่ดินเพชรบูรณ์ สาขาหล่มเก่า และนายจักรกฤษณ์ พรหมจินดา ปลัดอำเภอหล่มเก่า ลงพื้นที่บริเวณบ้านโนนผักเน่า หมู่ 11 และบ้านวังหว้าวังรู หมู่ที่ 12 ต.หินฮาว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีที่พบหลักหมุดที่ดินกลางป่า ที่ออกโฉนดครุฑเขียวแล้ว 13 แปลง รวมเนื้อที่ 483 ไร่ 3 งาน 9 ตารางวา โดยเดินตรวจสอบตามหน้าโฉนดครุฑเขียว พร้อมกับผังหลักหมุดทีละแปลง
เบื้องต้นพบว่าหลักหมุดตรงกับหมายเลขที่เขียนไว้ในผังที่ดิน ตรวจสอบรายชื่อใบโฉนดส่วนใหญ่เป็นชื่อนายนิลพงษ์ พลชา และนางปรานอม พลชา ภูมิลำเนาอำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ สามีภรรยาที่เป็นข้าราชการทั้งคู่ คนหนึ่งอยู่ในสังกัดกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย อีกคนอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ถือครอง ที่เหลือ 2-3 รายชื่อหน้าโฉนดเป็นบุคคลอื่น ภูมิลำเนากรุงเทพมหานคร
หลังโฉนดเขียนระบุว่า โฉนดที่ดินแปลงนี้ออกตามนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาล ประทับตราห้ามโอนภายใน 10 ปี ตามมาตรา 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ลงชื่อนายธนานนท์ ศรนารา เมื่อ 20 ตุลาคม 2549
แต่หลังโฉนดส่วนใหญ่มีข้อความระบุว่า นางปรานอม พลชา ได้ทำนิติกรรมจำนองครั้งแรกแก่นายสมชัย ชนินทรานุรักษ์ (ผู้รับจำนองคนแรก) และชื่อสุดท้ายผู้รับจำนอง คือ นายจิโรจน์ สันติพันธ์พิทักษ์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้รับจำนองเกือบทั้งหมด
นายสุกรรณ์ สมโนชัย นายช่างรังวัดชำนาญงาน 5 ที่ดินเพชรบูรณ์สาขาหล่มเก่า กล่าวว่า เพิ่งย้ายมาที่ อ.หล่มเก่า เมื่อตรวจสอบผังโฉนดที่ดิน และหลักหมุดโฉนดพบว่าเป็นของกรมที่ดินจริง ซึ่งการออกโฉนด 13 แปลงดังกล่าว ทางศูนย์สำรวจที่ดินที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 2546, 2548 และ 49 ตามโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เจ้าพนักงานที่ดินจากกรุงเทพฯ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด สำนักงานที่ดินเพชรบูรณ์เป็นเพียงผู้แจก และเก็บรักษาข้อมูลเท่านั้น
นายสมพร ทิพย์โสตนัยนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 6 กล่าวว่า ตามหลักการต้องสั่งเพิกถอนโฉนดที่ออกโดยมิชอบ เพราะดูตามสภาพไม่น่าออกได้ อีกทั้งพื้นที่ลาดชัน 30-45% ส่วนเรื่องการบุกรุกอาจหมดอายุความไปแล้ว ทั้งนี้เมื่อลงดูในพื้นที่แล้วพบว่ามีหลักหมุดฝังตามที่ป่า เจตนาทำเป็นขบวนการ เพราะคนคนเดียวไม่สามารถกระทำได้ ตั้งแต่รังวัด สำรวจ จนออกโฉนดสำเร็จ หลักการคือ ออกโฉนดแล้วแปลงสภาพเป็นเงิน คือ นำไปขายฝาก หรือจำนอง ลักษณะเอากระดาษไปขาย
“ยังดีที่ยังไม่ได้เอาโฉนดไปจำนองที่ธนาคาร เพียงแต่จำนองกับคนที่รู้จัก ซึ่งไม่ได้ลงมาดูสภาพที่ดินจริงๆ และหลังจากดีเอสไอลงพื้นที่วันนี้ก็ต้องรอนำเรื่องเสนอหน่วยเหนือเพื่อรับเป็นคดีพิเศษต่อไป”
ด้านนายวัลลภ เกาะลอย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน ได้ทำบันทึกพร้อมลงชื่อหลายๆหน่วยงาน ส่งเรื่องลงประจำวันกับพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ อีกครั้ง
