แกะรอยนายทุน-ข้าราชการ-นักการเมืองชั่ว! ปักหมุดยึด “น้ำก้อ” เร่ขาย-ฮุบค่านายหน้า
หลังเกิดโศกนาฏกรรมโคลนถล่มที่บ้านน้ำก้อ ต.น้ำก้อ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2544 จนชาวบ้านต้องสังเวยเสียชีวิตนับร้อยศพ
ปี 2546 คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีมติให้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ก่อนที่จะมีการสังคายนา พื้นที่ ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ขอใช้ประโยชน์สงเคราะห์ชาวเขาส่งคืนให้กรมป่าไม้ 132,626 ไร่ และต่อมาได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเขาค้อ 60,000 ไร่ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดงบประมาณปลูกป่า 39,243 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 เนื้อที่ประมาณ 70,000 ไร่
แต่วันนี้...ผืนป่าในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาค้อกลับมี “หลักหมุดเขตแดน” ปรากฏขึ้นกลางป่าอย่างน่าฉงน!!!
จนหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ พช.18 (น้ำชุน) ต้องนำป้ายมาปักประกาศว่า “ผืนป่าแห่งนี้เป็นสมบัติของแผ่นดิน แต่มีกลุ่มบุคคลนำพื้นที่ป่าไปจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอก ดังนั้นผู้ที่จะมาซื้ออย่าได้หลงเชื่อ เพราะพื้นที่ป่าไม่มีเอกสารถูกต้องตามประมวลกฎหมาย อันจะทำให้ท่าน (ผู้ซื้อ) สูญเสียเงินให้กับผู้ไม่หวังดีกับประเทศชาติได้”
และเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายแผน สผป.ศปป.4 กอ.รมน. ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ อุทยานแห่งชาติเขาค้อ หน่วยอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ที่ 11 นายอำเภอหล่มเก่า และเจ้าหน้าที่ที่ดิน เข้าตรวจพื้นที่ป่าบ้านห้วยปูน ต.น้ำก้อ อ.หล่มสัก คาบเกี่ยวหมู่ที่ 3 บ้านพร้าว-บ้านห้วยแล้ง ต.นาเกาะ อ.หล่มเก่า
พบว่ามีนายทุนบุกรุกเปิดป่าใหม่ นอกจากนี้ยังพบการรังวัดฝังหมุดที่ดินกลางผืนป่าเขต ต.น้ำก้อ เป็นแนวครอบคลุมถึง ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า คาดว่าเตรียมออกเอกสารสิทธิ และมีร่องรอยเครื่องจักรปรับพื้นที่พร้อมถนน 2,133 ไร่ด้วย
แต่เจ้าหน้าที่ที่ดินยืนยันเป็นหลักปลอมนำมาฝังกันเอง และยืนยันอีกว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยมีการเดินสำรวจ และไม่สามารถออกโฉนดได้
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ปัญหาการรุกผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีแนวเขตพิกัดที่ชัดเจน ทำให้ข้าราชการป่าไม้ (นอกพื้นที่) คนหนึ่งใช้เป็นช่องทางทำมาหากิน ทำตัวเป็นนายหน้าค้าที่ดิน สมคบกับนายทุน-ข้าราชการ-นักการเมืองรายหนึ่งจาก จ.สุราษฎร์ธานี ที่ต้องการที่ดิน 1,200 ไร่
จนนำไปสู่การ “ชี้นิ้ว” ขีดเส้นบนผืนป่ามาทำสัญญาซื้อขายกับนายทุนราคา 17 ล้านบาท
ในจำนวนนี้เป็นค่านายหน้าเสีย 7 ล้านบาท!!!
แต่ค่านายหน้า 7 ล้านบาทนี้ว่ากันว่าถูกข้าราชการป่าไม้ฮุบเอาไว้เพียงคนเดียว ขณะที่ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งร่วมดำเนินการมาตั้งแต่ต้นไม่ได้รับส่วนแบ่งด้วย
และไม่เพียงเท่านั้น เมื่อผู้ซื้อ (นายทุนจากปักษ์ใต้) เข้าตรวจสอบพื้นที่ซึ่งตกลงซื้อขายกันแล้ว กลับพบว่ามีเพียง 300 ไร่ ไม่ใช่ 1,200 ไร่ตามที่ตกลงกันไว้ ส่วนเงินที่จ่ายกันนั้น มีการจ่ายเป็น “ค่าเคลียร์” ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้ว
พ.อ.พงษ์เพชร ผู้เปิดประเด็นร้อน “ทหารบี้ ป่าไม้ละเว้น!” ระบุว่า ตนและคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ ต.น้ำก้อ อ.หล่มสัก ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยตามมติ ครม.เมื่อปี 2546 โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รับผิดชอบพื้นที่ร่วมกับกรมป่าไม้ หลังเหตุดินถล่มทำมีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก
พบการบุกรุกนำเครื่องจักรกลหนักเข้าปรับพื้นที่ ทั้งที่เป็นเขาสูงชัน และมีหลักหมุดของกรมที่ดิน เตรียมออกโฉนดกว่า 2,000 ไร่ จากพื้นที่ถูกบุกรุกในบริเวณนี้ทั้งหมด 5,000 ไร่ แต่ปรากฏว่าหลังตรวจสอบแล้วไม่มีการรับไม้ต่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำผืนป่าดังกล่าวกลับคืนมา
ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่ “น้ำก้อ” เท่านั้น แต่ขยายวงกินพื้นที่ผืนป่าใกล้เคียงทั้งใน จ.พิษณุโลก และ จ.เลย ที่ถูกนายทุนรุกเข้าครอบครอง แปรสภาพเป็นสวนยางพารากันอย่างเป็นล่ำเป็นสันอีกด้วย