ปัญหารุกผืนป่าทำสวนยางพาราของข้าวราชการ-นักการเมือง-นายทุน ในพื้นที่ 3 จังหวัดทั้งพิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ยิ่งสาวยิ่งเจอ ล่าสุดหนักข้อ ถึงขั้นกางแผนที่บนโต๊ะออกโฉนดครุฑเขียว - ปักหลักหมุดแสดงแนวเขตครอบผืนป่า ฮุบที่ทำกินของชาวบ้านเป็นว่าเล่น
หลัง “ASTV ผู้จัดการ” นำเสนอข่าว-รายงานเกี่ยวกับการบุกรุกครอบครองผืนป่าในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และพิษณุโลก มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้าราชการ นักการเมือง นายทุน อยู่เบื้องหลัง และพบว่าปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ถึงขั้นนำหมุดหลักเขตไปปักกลางผืนป่า - ขัดขวางการยุทธการ “ขอคืนผืนป่าให้แผ่นดิน”
(แกะรอยนายทุน-ข้าราชการ-นักการเมืองชั่ว! ปักหมุดยึด “น้ำก้อ” เร่ขาย-ฮุบค่านายหน้า; http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000134045 และ“มึงปลูก มึงตาย”อหังการนายทุนฮุบป่าพิษณุโลก ; http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135791
ล่าสุดปมปัญนี้ นับวันยิ่งหนักข้อมากขึ้น โดยพบว่า ผืนป่าในพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ - เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ออกโฉนดตราครุฑเขียว ครอบผืนป่า “ภูขี้ไก่” บริเวณบ้านโป่งคาง ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ถึง 1,800 ไร่ ซึ่งถือว่าออกโฉนดผิดๆมานานแล้ว จนปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่ดิน คนดังกล่าวถูกไล่ออก และได้เสียชีวิตไปแล้ว
แต่เคราะห์กรรมยังไม่จบไม่สิ้น เมื่อโฉนดที่ดินครุฑเขียว ถูกเปลี่ยนมือไปสู่นายทุน เตรียมแปลงสภาพเป็นสวนยางพารา
โชคดีที่เรื่องราวความฉ้อฉลที่ว่านี้ ปะทุขึ้นมาก่อน เพราะคนชี้ป่าขาย ขีดเส้นรังวัดบนโต๊ะ โชว์หลักฐาน
หลักโฉนด ทับที่ชาวบ้าน ฝังหลักหมุดผิดๆถูกๆ อยู่กลางป่าทึบ จนถูกชาวบ้านโป่งค่าง และคงทิพย์ ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ร้องเรียนเมื่อ 6 มิ.ย.56 ว่า มีการออกโฉนดทับที่ทำกินของชาวบ้าน มีหลักเสาปูนสีแดงแสดงอาณาเขตตามแนว ระยะ 3-4 กิโลเมตร จึงแจ้งหน่วยป่าไม้
เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงพิสูจน์ทราบ จึงพบเห็น หลักหมุดโฉนดที่ดินฝังอยู่ในป่า และครอบคลุมบ้านของชาวบ้าน
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวถูกซื้อต่อไปหลายทอด บ้างก็ไปจำนองธนาคาร
สอบเชิงลึก ทราบว่า ระวางแปลงที่ดิน ถูกลากเส้นตรงและออกโฉนดโดยที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ในพื้นที่เป็นผู้ชี้แนวพิกัดบนแผนที่ (ที่ดินกรมประชาสงเคราะห์เดิม) ชงเรื่องให้เจ้าพนักงานที่ดินสมัยนั้น ซอยออกโฉนด เป็นแปลงๆละ ไม่เกิน 50 ไร่ โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์รายแรกเมื่อปี 2542 เป็นคนกรุงเทพมหานคร โดยที่ดินตามที่ระบุไว้ในโฉนดเจ้าปัญหานี้ บางแปลงทับพื้นที่ทำกินดั้งเดิมของชาวบ้าน ที่ปลูกต้นมะพร้าวไว้จนขึ้นสูงชะลูด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรื่องดังกล่าวกลับเงียบ เป็นเป่าสาก !!
แม้ทางป่าไม้ จะส่งเรื่องไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ให้พิจารณาดำเนินการแล้วก็ตาม เนื่องจากที่ดิน 1,800
ไร่ ผืนนี้ ปล่อยขายเป็นทอด ๆ ไปไม่น้อยกว่า 40 แปลง มูลค่าสูงถึง 40-50 ล้านบาท
นอกจากนี้พบว่า ยังมีพื้นที่ใกล้เคียง ต.ท่าอิบุญ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำป่าสักเหมือนกัน คือ บริเวณ ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มีนายทุนจากภาคใต้ เข้ากว้านซื้อที่ดิน ถึง 5,000 ไร่ บนหลักการเดียวกัน คือ มีหลักโฉนดปักอยู่ในป่าเรียบร้อยแล้ว และล่าสุดนายทุนรายนี้ กำลังใช้รถแบ็ก โฮ เร่งตัดไม้ กวาดต้นใหญ่ออกให้โล่งเตียน
ขณะเดียวกัน พบว่า พื้นที่รอยต่อ จ.เลย กับ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มีนักการเมืองใหญ่ ในระดับผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จาก จ.นครพนม รายหนึ่ง รุกผืนป่า ด้วยการครอบครองที่ดินกว้าง เป็นเวิ้งภูเขาทั้งลูก บริเวณต้นน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ จำนวน 5,000 ไร่
ตอนบนของพื้นที่ ที่บุกรุก แถบบ้านชำบุ่น หมู่ 1 ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถูกหน่วยป้องกันรักษาป่า พช.18 (น้ำชุน)ระดมหน่วยป้องกันทั้งเพชรบูรณ์ และพิษณุโลกกว่า 10 หน่วย พร้อมทหารชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 3 สายตรวจป่าไม้ภาคเหนือ, ศปย.ที่ 2 ,หน่วยนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 นครสวรรค์ฯลฯตรวจยึดไปเมื่อ 3 มี.ค. 2555 จำนวน 1,320 ไร่ 1 งาน 22 ตาราวาง ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พร้อมยึดไม้กระยาเลยท่อน 6 ท่อน และเพิงพักชั่วคราวจำนวน 3 หลัง รวมมูลค่าเสียหายแก่รัฐจำนวน 90,106,984 บาท
พื้นที่ตรวจยึดดังกล่าว มีการปลูกยางพาราอายุประมาณ 2-3 ปี อยู่ใจกลางป่า ลักษณะถูกล้อมรอบด้วยป่าธรรมชาติ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 400-600 เมตร ล่าสุดคดีกลับไม่คืบหน้าเช่นกัน !
นายมานพ สายอุ่นใจ ป่าไม้อาวุโส/หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติที่ 2 หรือ ศปย.ที่ 2 พล. ( 1 ใน 7 ศปย.ทั่วประเทศ) กล่าวว่า นับแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน มีคดีจับกุม พ.ร.บ.ป่าไม้ จำนวน 211 คดีใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง เฉพาะพิษณุโลกประมาณ 100 คดี เพชรบูรณ์ประมาณ50 คดี ที่เหลือเป็นคดีในเขต จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.สุโขทัย พ่วงด้วยคดียาเสพติดในระหว่างจับกุมอีก 60 คดี
คดีรุกป่า 1,800 ไร่ บริเวณบ้านโป่งคาง ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องไว้พิจารณาพร้อมลงพื้นที่อีกครั้งปลายปีนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ขณะนี้ได้เกิดปมปัญหาใหม่ขึ้น และส่อเค้าที่จะขยายวงลุกลามไปทั่วประเทศ เมื่อชาวสวนยางพาราในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่ต้องการเข้าร่วมในโครงการแก้ไขยางพาราครบวงจรทั้งระบบของรัฐบาล เพื่อรับเงินชดเชยปัจจัยการผลิต 2,520 บาท/ไร่ ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ เริ่มกดดันให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ออกมารับรองสิทธิ์ในที่ดินไร้เอกสารสิทธิกลางผืนป่า
ทั้งนี้ ปรากฏว่าสำนักงานป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย หมู่ 7 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง โดยนายสมชาย ฉิมแย้ม เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ทำหน้าที่หัวหน้าป่าสงวนแห่งชาติ ได้ลงนามในหนังสือลงวันที่ 9 ต.ค. 2556 ลงนามรับรองสิทธิที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้แก่ชาวบ้าน 98 ราย โดยอ้างถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2541 และอยู่ในขั้นตอนเตรียมรับรองสิทธิในรูปแบบสิทธิที่ทำกิน (สทก.)
ขณะที่นายธนัช เนมีย์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 พิษณุโลก ยืนยันว่า ไม่สมควร !!
เพราะที่จริงแล้ว การรับรองสิทธิ์ที่ทำกิน ต้องมีขั้นตอนให้กรมป่าไม้ออกตรวจเพื่อรับรอง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นมีปัญหาตามมาแน่ เนื่องจากบางพื้นที่กลายเป็นพื้นที่ตรวจยึดและจับกุมแล้ว และเคยเกิดคดีพิพาทในชั้นศาล จนทำให้กรมป่าไม้แพ้คดีไปแล้ว เพราะคนของรัฐออกใบรับรอง โดยไม่รู้ว่าทับพื้นที่จับกุม
แน่นอนว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะพิษณุโลก หรือเพชรบูรณ์ และเลย เท่านั้น!!