ASTV ผู้จัดการออนไลน์ -ซีพีเอฟ ตั้งเป้าก้าวสู่มาตรฐาน AEMAS ระดับ 2 ดาว ภายในปีนี้ และพร้อมเดินหน้าสู่ระดับสูงสุด 3 ดาวอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมต่อยอดพัฒนาบุคลากรเป็นผู้ตรวจสอบจัดการพลังงานมืออาชีพ หลังเป็นผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และอาหารไทยรายแรกที่คว้ามาตรฐานนี้ในภูมิภาคอาเซียน
นายอนันต์ วงศ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า โรงงานแปรรูปสุกรแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา ของซีพีเอฟ ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการพลังงานมาตรฐานสังคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEMAS ในระดับ Gold Standard เป็นรายแรกของอุตสาหกรรมอาหารของไทย และนับเป็นผู้นำรายแรกใน 10 ประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
พร้อมตั้งเป้ายกระดับมาตรฐานดังกล่าวสู่ Gold Standard 2-Star หรือระดับ 2 ดาว ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ หลังผ่านการตรวจประเมินจาก AEMAS เป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังผลอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ คาดว่าจะสามารถก้าวสู่ระดับสูงสุด Excellent / Best Practice in Energy Management System หรือ Gold Standard 3-Star ภายในปี 2559
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้นำมาตรฐาน AEMAS มาปรับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 จนถึงเดือนมกราคม 2557 ปรากฏว่า โรงงานมีผลประหยัดด้านพลังงานกว่า 11.1 ล้านบาท โดยระบบ AEMAS มีจุดเด่นที่การติดตามค่าการใช้พลังงาน และผลประหยัดอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี ทำให้โรงงานแปดริ้วฯ ต้องมีแนวทางการประหยัดพลังงานที่สามารถดำเนินการจนเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และมีความต่อเนื่อง
“หัวใจสำคัญที่ทำให้สามารถคว้ามาตรฐาน AEMAS มาได้ คือ การสร้างความร่วมมือของพนักงานทุกระดับ โดยจัดให้มี Motivation Plan เพื่อสร้างขวัญ และกำลังใจให้ทุกคนช่วยกันคิดปรับปรุงกระบวนการทำงานจากสิ่งเล็กๆ จนเกิดเป็นนวัตกรรม และโครงการด้านพลังงานต่างๆ ขณะเดียวกัน ก็มีการทวนสอบ Energy Baseline และ Energy Efficiency Improvement โดยผู้จัดการพลังงาน และผู้ตรวจประเมินที่เป็นบุคคลที่สาม ทำให้ทราบสถานะของการจัดการพลังงานอย่างแท้จริง” นายอนันต์ กล่าว
ส่วนระบบบริหารจัดการด้านพลังงานที่ช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ ระบบผลิตนํ้าร้อนแบบผสมผสานจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Hybrid System Energy Saving Hot Water Generator) ที่สามารถช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 26,455 กิโลวัตต์ต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 16 ตันคาร์บอนต่อปี การปรับเปลี่ยนใบพัด Evaporative Condenser จากเดิมตัวใหญ่ 4 ตัว ให้เป็นตัวเล็ก 10 ตัว เพื่อกระจายการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ประหยัดได้ถึง 76,632 เมกะจูลต่อปี
การติดตั้งไฟสนาม และไฟถนนด้วยระบบโซลาร์เซลล์ ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ 37,850 เมกะจูลต่อปี และการนำระบบ 3 R คือ Recycle Reuse Reduce มาใช้ในการบริหารจัดการของเสีย เช่น การบำบัดนํ้าเสียแล้วนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับรดนํ้าต้นไม้ และการคัดแยกขยะเพื่อนำไป Recycle
โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการจาก AEMAS Thailand ในการอบรมหลักสูตรผู้จัดการพลังงานมืออาชีพ แก่บุคลากรทุกหน่วยงานของซีพีเอฟที่เข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถสร้างผู้จัดการพลังงานมืออาชีพได้กว่า 90 คน ซึ่งรวมถึงผู้จำหน่ายของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการด้วย ถือเป็นการผลักดันให้ภาคเอกชนมีศักยภาพ และความสามารถในการลดการใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
มาตรฐาน AEMAS ได้พัฒนามาจากมาตรฐาน EMAS Energy Management Scheme ของยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนด้านเทคนิค และให้คำปรึกษาพัฒนาระบบ AEMAS ให้มีประสิทธิภาพ จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งการจะผ่านระบบ AEMAS ได้ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินหลายข้อ เช่น ต้องมีนโยบายด้านพลังงาน, มีการกระจายการลงทุนให้ครอบคลุมทั้งโรงงาน, พนักงานทุกระดับต้องมีส่วนร่วม, มี Energy Account Centre (EAC), จัดสัมมนากลุ่มย่อยด้านพลังงานให้แก่พนักงานทุกปี และมีผู้จัดการพลังงานที่ได้การรับรองด้านพลังงานจาก AEMAS
สำหรับบริษัทที่ได้รับมาตรฐานต้องมีความชัดเจนในด้านแผนงานการปรับปรุงการใช้พลังงาน หากบริษัทใดที่ได้รับมาตรฐานแล้วแต่ไม่มีการพัฒนาในระยะเวลาที่สมควร ก็จะถูกถอนใบประกาศทันที