ASTVผู้จัดการออนไลน์ - มทบ.33 ขึ้นโรงพักแจ้งจับแกนนำเสื้อแดง-รักเชียงใหม่ 51 เอาผิดตามกฎหมายอาญา ม.113, 114 หลังขึ้นป้ายขอแยกประเทศ-สปป.ล้านนา ด้าน "เพชรวรรต" ปฏิเสธลั่นยืนยันไม่เคยมีแนวคิดแบ่งแยกประเทศ และจัดตั้ง สปป.ล้านนา โยนบาปสื่อนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ลั่นพร้อมสู้คดีหลังถูกแจ้งข้อหา "กบฏ" ส่วนที่พะเยา "ตร.-ทหาร" ตบเท้าแจ้งจับคนติดป้าย "ขอแยกประเทศล้านนา" ล่าสุดโผล่อีกบนสะพานลอยหน้าโรงเรียนเมืองกว๊าน แต่ "ผบก." อ้าง"ยังไม่ถึงขั้นกบฎ" ขณะที่ ตร.เชียงราย ได้หลักฐานเด็ดเป็นภาพวงจรปิดติดป้ายพบหนึ่งในแก๊งร่างท้วม-หนวดเคราสีขาว เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าตัว "ผบช.ภ.5" ลั่นดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด สั่งทุกสถานีตำรวจจับตาความเคลื่อนไหวใกล้ชิด "ตร.พิษณุโลก" บอกขอเวลาจัดการมือติดป้าย แย้มรู้ตัวแล้ว ยันจับตัวได้แน่ *แกนนำแดงอุดรฯ" ผวา! ยันคนเสื้อแดงไม่คิดแยกประเทศ
**มทบ.33 ขึ้นโรงพักแจ้งจับ “เพชรวรรต”
จากกรณีมีข่าวเผยแพร่ทางสื่อว่านายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าทางกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่มีแนวคิดเกี่ยวกับการจัดตั้ง สปป.ล้านนา และการแบ่งแยกประเทศ โดยมีการพูดคุยหารือกันมานานกว่า 6 เดือนแล้ว และเชื่อว่ามีประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือมากถึง 80% ที่พร้อมให้การสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (3 มี.ค.) พ.อ.โภคา จอกลอย หัวหน้ากองข่าว มณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมด้วย พ.ท.สันโดษ ดงปารี นายทหารพระธรรมนูญ ได้เดินทางไปที่ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดกฎหมายอาญามาตรา 113, 114 กับนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กรณีมีการขึ้นป้ายขอแยกประเทศ, สปป.ล้านนา นำไปติดตั้งที่สะพานข้ามแยกดอนจั่น โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย และคำให้สัมภาษณ์ของนายเพชรวรรต
หลังจากแจ้งความที่ สภ.แม่ปิง แล้ว พ.อ.โภคา จอกลอย พร้อมด้วย พ.ท.สันโดษ ดงปารี ยังไปแจ้งความต่อที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ด้วย ในความผิดเดียวกันกรณีการให้สัมภาษณ์เรื่อง "สปป.ล้านนา" และการแยกเป็นประเทศล้านนา หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลานนาว่า ทางกลุ่มมีการพูดคุยหารือมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน และโอกาสที่จะแบ่งแยกเป็นไปได้สูงตามเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.การดูถูกความเป็นมนุษย์จากคนอีกกลุ่มในประเทศ 2.การไม่เคารพกฎหมายและมีความเหลื่อมล้ำทางกฎหมายเกิดขึ้น และ 3.ไม่ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย หากวันใดมีการปิดประเทศหรือก่อรัฐประหารขึ้นมา พวกตนก็พร้อมจะแยกตัวออกมา
พร้อมกับอ้างด้วยว่า การแยกตัวของ สปป.ล้านนา มิใช่การแบ่งแยกประเทศ แต่เป็นการแบ่งแยกการปกครองเหมือนกับจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกง 1 ประเทศ 2 ระบอบการปกครอง เชื่อว่าหากแบ่งจริงอย่างน้อยประชาชนร้อยละ 80 ของ 8 จังหวัดภาคเหนือ หรือประชาชน 4 ล้านคนจากประชากร 6 ล้านคนในภาคเหนือ จะออกมาแสดงตัวแม้ว่าจะไม่ใช่คนเสื้อแดงจะมีแนวคิดเดียวกันกับเรา
**"เพชรวรรต"ปฏิเสธหน้าตายไม่เคยคิด
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่โรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ ซึ่งเป็นที่ทำการของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้แถลงชี้แจงว่า กรณีข่าวที่มีการนำเสนอออกไปนั้นมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในสิ่งที่ตนเองต้องการจะสื่อความหมาย โดยยืนยันว่าตนเองไม่เคยมีความคิดที่จะแบ่งแยกประเทศ และ สปป.ล้านนา ในความหมายของตนเองหมายถึง "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา" ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรณรงค์ให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ที่ผ่านมาไม่ได้หมายความถึง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนาอย่างที่มีการเข้าใจกัน
ทั้งนี้ เรื่องการแบ่งแยกประเทศที่มีการพูดถึงนั้นตนเพียงแต่อธิบายตามหลักวิชาการเท่านั้นว่าประเทศไทยแบ่งแยกไม่ได้ เพราะคนในประเทศมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ภาษา ศาสนา และในหลวงพระองค์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแบ่งแยกการปกครองนั้นเป็นไปได้ โดยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ
ได้แก่ 1.การดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง 2.การใช้หลักปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม และ 3.ไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถ้าหากองค์ประกอบทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกันและมีความรุนแรงก็จะนำไปสู่การจัดการตนเองได้
ส่วนกรณีที่มีผู้นำป้ายขอแบ่งแยกประเทศไปติดตั้งไว้ที่บริเวณสะพานข้ามแยกดอนจั่น ถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง รวมทั้งที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงโพกผ้าพิมพ์คำว่า "สปป.ลานนา" ไปให้กำลังใจรักษาการนายกรัฐมนตรีนั้น นายเพชรวรรต ยืนยันว่า ตนเองและกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การที่ทางกองทัพภาคที่ 3 โดยมณฑลทหารบกที่ 33 ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตนเองในข้อหาตามความผิดกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 นั้น ตนพร้อมที่จะไปรับทราบข้อกล่าวหา ชี้แจงและต่อสู้คดี รวมทั้งจะดำเนินการแจ้งความกลับด้วย เนื่องจากตนไม่ได้กระทำความผิดใดๆ และมั่นใจในความบริสุทธิ์
**"ผบก.พะเยา" อ้างยังไม่ถึงขั้น "กบฎ"
ส่วนที่ จ.พะเยา พ.ต.อ.สว่างวิทย์ สุทธหลวง ผกก.สภ.เมือง จ.พะเยา ได้มีหนังสือแจ้งต่อ พล.ต.ต.ภานุ บุรณศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พะเยา ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และ ผบก.จทบ.พะเยา ถึงความคืบหน้ากรณีที่มีกลุ่มบุคคลนำป้ายไวนีลพื้นสีแดง ตัวหนังสือสีน้ำเงินขอบขาว ขนาดกว้าง 94 ซม.ยาว 9.90 เมตร ระบุข้อความ "ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กูขอแยกประเทศล้านนา" ติดบนสะพานลอยหน้าโรงเรียนบ้านร่องห้า ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา เมื่อวันที่ 1 มี.ค.57 ที่ผ่านมา
โดยระบุว่า พ.ต.ท.เฉลิมชาติ ยาวิชัย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพะเยา เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.เมืองพะเยา เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่นำป้ายดังกล่าวมาติด เนื่องจากข้อความดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทำให้ปรากฏต่อประชาชนด้วยวาจา ตัวหนังสือ หรืออื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่ง พงส.สภ.เมืองพะเยา รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด ตามคดีอาญาที่ 265/2557
และในเย็นวันเดียวกัน พ.อ.พิเศษ วีรศักดิ์ พูลเกตุ รองผู้บังคับการ จทบ.พะเยา ก็ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องเดียวกัน จึงได้รวมเป็นคดีเดียวกัน
ด้าน พล.ต.ต.ภานุ บุรณศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พะเยา กล่าวว่า หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความแล้วจากนี้ไปทางตำรวจจะต้องเร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว เพราะจากการกระทำตามที่ได้รับแจ้งความแล้วนั้น ถือว่าเป็นการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 วรรค 2 เป็นลักษณะที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศแต่ยังไม่ถือว่าเป็นการกบฏ
แต่อย่างไรก็ตามจากหลักฐานป้ายดังกล่าวนั้นเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบุคคลภายนอกพื้นที่ เพราะลักษณะป้ายก็มีความเหมือนกับที่เผยแพร่อยู่ใน จ.เชียงใหม่ และการสืบสวนหาร้านที่ผลิต ก็ไม่พบว่า มีการผลิตในพื้นที่ด้วยเช่นกัน
"การขอแยกประเทศนั้นเชื่อว่าจริงๆ แล้วไม่น่าจะมีความเป็นจริง อาจเป็นการเรียกร้องหาความยุติธรรมของกลุ่มบุคคล เพราะการแยกประเทศตามรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถทำได้ และเชื่ออีกด้วยว่า คนจังหวัดพะเยา ก็ไม่เห็นด้วยกับการแยกประเทศ และคนจังหวัดพะเยาจริงๆ มีความจงรักภัคดีต่อสถาบันฯ อย่างแน่นอน" พล.ต.ต.ภานุ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการสวนสนามของอาสาสมัครตำรวจบ้าน (สตบ.) เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นที่โรงเรียนเชียงคำวิทยาคมนั้น พล.ต.ต.ภานุ กล่าวว่า นายสุนทร หายทุกข์ ประธานคณะกรรมการ สตบ.เชียงคำ จ.พะเยา ก็ได้ทำหนังสือแจ้ง ผกก.สภ.เชียงคำ แล้วก่อนที่จะมีการสวนสนามในวันดังกล่าว
โดยระบุว่า เป็นการแสดงพลังสวนสนามของเหล่าอาสาสมัครตำรวจบ้าน จังหวัดพะเยา ในการช่วยเหลือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็ตรงตามวัตถุประสงค์การก่อตั้งอาสาสมัครตำรวจบ้านของ สตช. ไม่ได้เป็นการส่องสุมกำลัง หรือแสดงพลังทางการเมืองแต่อย่างใด
ส่วนสีธงของ สตบ.ในวันนั้นก็ไม่ใช่สีแดง ตามที่นำไปโพสต์กันในสังคมออนไลน์หรือ social media แต่เป็นสีแดงเลือดหมู ซึ่งเป็นสีเดียวกับสีประจำ สตช.
ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริงแล้วพื้นที่จังหวัดพะเยามีกลุ่มบุคคลที่นำป้ายไวนีลลักษณะเดียวกันมาติดบนสะพานลอยกลางเมืองเป็นจังหวัดแรก โดยมีการนำมาติดทับกับป้ายเทศกาลตรุษจีนของเทศบาลเมืองพะเยาที่มีลักษณะพื้นสีแดงคล้ายกัน ที่สะพานลอยบริเวณหน้าโรงเรียนบุญสิษฐ์วิทยา เขตเทศบาลเมืองพะเยา เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะสั่งให้ปลดออก
**วงจรปิดมัด! พบคนติดป้ายแยก ปท.ล้านนา
ที่ จ.เชียงราย พล.ต.พัฒนา มาตรมงคล ผู้บังคับการ จทบ.เชียงราย ได้มอบหมายให้ พ.ท.อิสระ เมาะราษี นายทหารประจำ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายข่าว จทบ.เชียงราย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง และ สภ.แม่ลาว จ.เชียงราย หลังพบมีกลุ่มคนนำป้ายไวนีลขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 10 เมตร พื้นสีแดง ตัวหนังสือสีน้ำเงินขอบขาว ระบุข้อความว่า "ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา" ไปติดที่สะพานลอยข้ามถนนพหลโยธิน ที่มีคนสัญจรผ่านไป-มาพลุกพล่านสองจุด คือ ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง และสะพานลอยหน้าตลาดป่าก่อดำ ต.ป่าก่อดำ อ.แม่ลาว เมื่อวันที่ 26 ก.พ.และท้องที่ อ.แม่ลาว เมื่อวันที่ 28 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นในเขต สภ.เมือง พ.ต.ต.คเชนทร์ เชิดชูตระกูลทอง สารวัตรป้องกันปราบปรามได้เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดข้อหา "ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร" และ พ.ต.ท.วิเชียร ใหม่ชัย พนักงานสอบสวนหรือสารวัตร ได้รับเรื่องเอาไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
แต่เมื่อทางฝ่ายทหารได้เข้าแจ้งความเพิ่มเติม ร.ต.ท.ศรีเดช สุวรรณ์ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย ก็ได้รับเรื่องเอาไว้เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวคนกระทำความผิดต่อไป
เช่นเดียวกับที่ สภ.แม่ลาว พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ฟองฟู สารวัตรเวร สภ.แม่ลาว ได้รับเรื่องเอาไว้พร้อมแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทาง พ.ต.ท.สุบิน นันต๊ะรัตน์ สารวัตรเวรป้องกันปราบปราม สภ.แม่ลาว ได้เป็นผู้ร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.เปี่ยมโชค สายถิ่น สารวัตรเวรไปแล้วในข้อหาเดียวกันกับท้องที่ สภ.เมืองเชียงราย
แต่ในกรณีของเหตุท้องที่ สภ.เมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเก็บภาพบุคคลที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการติดป้ายดังกล่าวด้วย โดยเบื้องต้นพบหนึ่งในบุคคลดังกล่าวมีลักษณะรูปร่างท้วมและมีหนวดเคราสีขาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานกันระหว่างตำรวจกับทหารเพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
**ผบช.ภ.5 ขึงขังฟันเด็ดขาดคนแบ่งแยกประเทศ
พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ. 5) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวและความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแบ่งแยกประเทศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัด และสถานีตำรวจทุกแห่งในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5 เฝ้าติดตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ความคิดดังกล่าวน่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนส่งผลให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การเกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างนั้นสามารถทำได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามหากมีความคิดและการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่
กรณีที่พบว่ามีการติดตั้งป้ายประกาศแบ่งแยกประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมีการดำเนินการตั้งแต่ก่อนที่ทางทหารจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
พล.ต.ท.สุเทพ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพื่อบรรเทาความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจระหว่างกันให้เกิดการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมทั้งไม่มีการใช้ความรุนแรงระหว่างกัน ทั้งนี้ หากจะมีการจัดกิจกรรมชุมนุมของประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปรักษาความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันและจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง
**ตร.พิษณุโลกขอเวลาจัดการมือติดป้าย
ที่ จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 (ผบช.ภ.6) เปิดเผยหลังเป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรมข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่งานอำนวยการในสถานีตำรวจที่โรงแรมอรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก กรณีมีการนำป้ายไวนีลข้อความ "ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กูขอแยกเป็นประเทศล้านนา" มาติดบนสะพานลอยในพิษณุโลกว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว
พล.ต.ท.วรศักดิ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6 มีเพียง จ.พิษณุโลกแห่งเดียวที่พบว่าขึ้นป้าย ซึ่งได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตั้งจัดทีมสอบสวนขึ้นมาทำงาน ขณะนี้ยังอยู่ขั้นตอนดำเนินการเร่งติดตามตัวคนที่ติดป้ายดังกล่าวมาดำเนินการสอบสวนเป็นการเร่งด่วน
"ล่าสุดได้พูดคุยกับ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 แล้วอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ต้องหาข่าวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มีพฤติกรรมมาดำเนินคดีก่อน" พล.ต.ท.วรศักดิ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ โล่ห์สุวรรณ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าว่า ขอเวลาให้กับตำรวจในเรื่องการดำเนินคดีด้วย ตอนนี้รู้ตัวแล้ว แต่ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง เฉพาะกลุ่มมันชัดเจนแล้วว่าใครมาดำเนินการ ผิดตรงไหน ต้องดำเนินการตรงไปตรงมา ขอให้ทราบว่าภาพรวมมีความคืบหน้า ใครกระทำผิดอย่างไรจะถูกดำเนินคดี
"ขอเวลาบ้าง ส่วนมีกระแสว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องนั้น ตำรวจคิดไม่ได้เลย มีแต่คิดว่าจะทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุดอย่างไร รักษาความสงบเรียบร้อยอย่างไร ดูแลประชาชนอย่างไร รับปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเดียว ไม่มีใครมากดดัน เราว่าไปตามกฎหมาย" พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ กล่าว
พ.ต.อ.สามารถ จูเทศ พงส.ผทค.หน.งานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าของคดีเรื่องป้ายแบ่งแยกดินแดน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งติดตามคดีโดยได้สอบสวนพยานแวดล้อม และตำรวจที่เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ยังไม่ทราบว่าใครกระทำการ แต่คาดว่าน่าจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มเดียวกับทางภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะกลุ่ม จ.พะเยา เนื่องจากหลักฐานเชื่อมโยงกัน
พ.ต.อ.สามารถ กล่าวว่า ป้ายดังกล่าวเป็นการทำจากร้านใหญ่ นำมาจากทางภาคเหนือ ร้านในพื้นที่ จ.พิษณุโลกไม่มีแน่นนอน หากได้ตัวจะมีการลงโทษตามฐานความผิด เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากระทำการปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ อันเป็นป้ายโฆษณา เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดจะก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ป้ายไวนีล "ขอแยกเป็นประเทศล้านนา" นั้น แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งให้หน่วยในพื้นที่ไปดำเนินการแจ้งความใน 2 จังหวัด แต่จังหวัดพิษณุโลกยังไม่มีการประสานทหารหน่วยใดไปดำเนินการแจ้งความต่อตำรวจ เพราะต้องรอความชัดเจนก่อนจะไปแจ้งความดำเนินคดี ขอความชัดเจนอีกสักนิด
สำหรับป้ายไวนีลขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร ข้อความ "ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กูขอแยกประเทศล้านนา" ที่มีการนำมาติดบนสะพานลอยถนนพิษณุโลก-นครสวรรค์ ทั้งขาเข้า และขาออก บริเวณหน้าวัดจูงนาง ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก ถูกพบเมื่อ 5 วันก่อนหน้านี้ ต่อมาชาวบ้านในพื้นที่ที่พบเห็นและทนไม่ไหวใช้มีดกรีดทำลายป้าย ก่อนที่จะแจ้งตำรวจ สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยนเรศวรมาตรวจสอบและรื้อป้ายออก
**แกนนำแดงอุดรฯผวา! ไม่คิดแยกประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากกกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นป้ายแยกดินแดนปกครอง สปป.ล้านนา ในภาคเหนือนั้น นายวิเชียร ขาวขำ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) อุดรธานี อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นวิธีการที่แกนนำที่มีอดีต ส.ส.แกนนำคนเสื้อแดงที่มาประชุมกันที่เขาใหญ่ เมื่อปลายเดือนที่แล้วมีแนวคิดเรื่องการปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งเรื่องนี้สามารถทำได้หลายวิธีจึงมีการตั้งชื่อขึ้นมาส่งผลให้หลายคนแปลความไปเรื่องการแบ่งแยกดินแดน
"ไม่มีใครมีแนวคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนแยกประเทศ เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเขียนว่า ถ้าใครทำผิดกฎหมาย มีโทษถึงประหารชีวิต เรื่องที่เกิดขึ้นมา เพราะกลุ่ม กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอาคำแปลกลุ่มของเขาไปแปลใหม่ เพื่อให้เกิดประเด็น ทั้งความจริงเขาแปลว่า กลุ่มหรือสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา ทั้งที่ความจริงอดีต ส.ส.อีสานหลายคน ก็เคยตั้งกลุ่มขึ้นมาก่อน เช่น ขบวนการคนอีสานปกป้องประชาธิปไตย หรือ ขคป.อีสาน อยู่ที่อนุสาวรีย์ นายเตียง ศิริขันธ์ ที่ภูพาน จ.สกลนคร เพียงแต่ชื่อคำย่อเราไม่ได้ไปคล้องจองเหมือนอย่าง สปป.ล้านนา มันจึงไม่ถูกตีความไปเป็นอย่างอื่น" นายวิเชียร กล่าว
ส่วนการที่ทหารจับตาชื่อย่อเพราะนายสุเทพ นำมาพูดบนเวที กปปส.แล้วมีการแปลคำย่อเป็น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนคนล้านนา สื่อนำไปแปลเหมือนกับกลุ่มของนายสุเทพ มีการพูดถึงความไม่เป็นธรรม ไปสอดคล้องกับความคิดที่ว่าไม่อยากอยู่ด้วยกัน ไม่อยากอยู่ร่วมกันแล้ว โดยเฉพาะอดีต ส.ส.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์พูดเรื่อง 1 ประเทศ 2 ระบบ จึงมีการมาขยายความจนทำให้เรื่องนี้บานปลาย
ส่วนที่ทางทหารมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำคนเสื้อแดงภาคเหนือ นายวิเชียร กล่าวว่า ทหารน่าจะไปแจ้งความจับนายสุเทพ เพราะคนเสื้อแดงไม่ได้สร้างความรุนแรง หรือแบ่งแยก เพียงแต่มีการประชุมระดมความคิดกันเท่านั้น