ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มจังหวัดอันดามันถกทิศทางการศึกษาอันดามันสไตล์ เล็งเดินหน้าตั้ง “สภาการศึกษาจังหวัด” ตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาท้องถิ่น รองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมอีก 5 ปีที่จะถึง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดเวทีแลกเปลี่ยนการศึกษาในแบบฉบับอันดามันสไตล์ ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดขึ้น และมีคณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดภูเก็ต สภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา ร่วมประชุม
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ใน 5 จังหวัดอันดามัน แต่ละจังหวัดมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงในสังคม เพราะฉะนั้น การจัดการศึกษาจะต้องปรับยุทศาสตร์ในการศึกษาระหว่างครูกับเด็ก ผู้สอนกับผู้เรียน และเรื่องของระบบเนื้อหา ซึ่งจะต้องสอดคล้องในเรื่องของการพัฒนากลุ่มจังหวัด เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
สำหรับภูเก็ต ในการจัดการศึกษาจะให้ความสำคัญดำเนินการเฉพาะเด็กภูเก็ตอย่างเดียวไม่ได้ เพราะภูเก็ตมีคนเข้ามาอยู่หลากหลาย ต้องคำนึงถึงเด็กจากต่างจังหวัด แรงงานต่างด้าว และชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัย และประกอบอาชีพ
ขณะที่ ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษา สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดอันดามันมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 150,000 ล้านบาท ในปี 2553 คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ ของภาคใต้ และคาดว่าเมื่อเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 การท่องเที่ยวในโซนอันดามันจะเพิ่มขึ้นอีก 25 เปอร์เซ็นต์ สิ่งสำคัญที่ต้องรับมือกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดคือ การพัฒนาคน ซึ่งที่ผ่านมา เราใช้ทุนที่เป็นเม็ดเงิน และทุนทางธรรมชาติ เป็นปัจจัยการผลิตหลักของกลุ่มจังหวัดอันดามัน หนทางเดียวที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมนี้มีความยั่งยืน และมีคุณภาพในระดับโลกได้คือการสร้างทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ โดยการยกระดับการศึกษาในระบบสถานศึกษา และการพัฒนากำลังคนนอกสถานศึกษา ซึ่งมีตัวเลขสำคัญเกี่ยวกับปัญหาเด็กด้อยโอกาส และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อจังหวัดกว่า 12,000 ล้านบาท/ปี หากปล่อยไว้เท่ากับว่าจังหวัดจะสูญเสียทางเศรษฐกิจเทียบได้กับการโดนสึนามิโจมตี 1 ครั้งในทุก 5 ปี ซึ่งเหตุการณ์สึนามิทางธรรมชาติได้เห็นความร่วมมือในการจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ ดังนั้น สึนามิทางการศึกษาก็สามารถจัดการร่วมกันอย่างเป็นระบบ
นายนพพร สุวรรณรุจิ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสค.กล่าวว่า ทิศทางการปฏิรูปการศึกษาที่สำคัญคือ การเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อตัดเสื้อให้พอดีตัวกับเด็ก และตอบโจทย์ความต้องการของท้องถิ่น และทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สสค.จึงสนับสนุนให้เกิดกลไกการทำงานในจังหวัด และท้องถิ่น เช่น สภาการศึกษา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีอยู่แล้วก่อนหน้านี้ และขณะนี้มีบางจังหวัดที่สนใจในรูปแบบนี้คือ พังงา และสตูล ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การสนับสนุนให้เกิดเจ้าภาพในจังหวัดก่อน จากนั้นจะสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างเจ้าภาพในการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ สสค.จะสนับสนุนให้มีการจัดทำฐานข้อมูลของเด็กและเยาวชนแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เจ้าภาพที่เกิดขึ้นแล้วได้ใช้ประโยชน์ในการออกแบบทิศทางการศึกษา
ด้านนายชวน ภูเก้าล้วน นายกสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ทิศทางการจัดการศึกษาของกลุ่มจังหวัดอันดามันจะเป็นการถักทอเครือข่ายระหว่างสภาการศึกษาในแต่ละจังหวัดเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางการศึกษาร่วมกัน เพราะกระบี่ และจังหวัดใกล้เคียงมีประสิทธิภาพสูงด้านการท่องเที่ยว และการประกอบอาชีพสาขาต่างๆ ซึ่งยังต้องใช้คนกว่า 10,000 คนมารองรับ จึงจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพเด็กให้มีความพร้อมด้านภาษา และทักษะอาชีพ การมีสภาการศึกษาก็เพื่อทำให้มีแรงงานฝีมือ และมีคุณภาพ และอยากให้มีหน่วยกลางเช่นเดียวกับหอการค้าไทยที่มีการประชุมกันทุกเดือนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น
ส่วนทางด้านนายบัณฑูร ทองตัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้ท้องถิ่นกำลังลุกขึ้นมาทำซูเปอร์ไฮเวย์ทางการศึกษาด้วยตัวเอง โดยดินหน้าจัดตั้งสภาการศึกษาจังหวัดเพื่อร่วมกันออกแบบการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์คนในท้องถิ่น และเป็นการจัดการศึกษาอย่างประณีตที่สอดรับกับคนทุกกลุ่ม ที่ผ่านมา จังหวัดภูเก็ต จัดเวทีสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดแนวคิดการจัดทำข้อกำหนดเพื่อจัดตั้งสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต พร้อมกับระดมความเห็นถึงทิศทางการพัฒนาการศึกษาของจังหวัด ในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า จึงออกมาเป็นการขับเคลื่อนงานใน 11 กลุ่ม คือ 1.เด็กด้อยโอกาส เช่น ยากจน ไร้สัญชาติ ค้าแรงงาน ติดยาเสพติด 2.กลุ่มเด็กที่ต้องพัฒนาการศึกษาเป็นพิเศษ เช่น เด็กพิการ เด็กบกพร่องด้านการเรียนรู้ 3. กลุ่มสัมมาชีพ และเด็กที่เรียนสายอาชีวะ 4.การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ป.1-ป.6 5.การศึกษาผู้สูงวัย 6.การพัฒนาศักยภาพวัยแรงงาน 7.การศึกษาทางเลือก 8.การศึกษาในระดับอุดมศึกษา 9.การศึกษานีระดับปฐมวัย (0-6 ปี) 10.การศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และ 11.การศึกษาที่กลุ่มผู้เรียนเลือกเรียนตามความสนใจ เช่น คอมพิวเตอร์ ดนตรี กีฬา เป็นต้น พร้อมกันนี้ จะจัดทำฐานข้อมูลการศึกษาของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้รู้จำนวนที่แท้จริงของเด็กที่อยู่ในระบบ และนอกระบบการศึกษาต่อไป