ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เพชรวรรต” แกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ปฏิเสธลั่น ยืนยันไม่เคยมีแนวคิดแบ่งแยกประเทศ และจัดตั้ง สปป.ล้านนา โยนบาปให้สื่อนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ปัดไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นการขึ้นป้ายประกาศขอแบ่งแยกประเทศที่ขึ้นหรากลางเมืองเชียงใหม่ ย้ำพร้อมต่อสู้คดีหลังถูกทหารเข้าแจ้งความดำเนินคดีข้อหา “กบฏ” และจะแจ้งความกลับด้วย
จากกรณีมีข่าวเผยแพร่ทางสื่อว่า นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าทางกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่มีแนวคิดเกี่ยวกับการจัดตั้ง สปป.ล้านนา และการแบ่งแยกประเทศ โดยมีการพูดคุยหารือกันมานานกว่า 6 เดือนแล้ว และเชื่อว่ามีประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือมากถึง 80% ที่พร้อมให้การสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวนั้น
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่โรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ ซึ่งเป็นที่ทำการของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แถลงชี้แจงว่า กรณีข่าวที่มีการนำเสนอออกไปนั้นมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในสิ่งที่ตนเองต้องการจะสื่อความหมาย
โดยยืนยันว่าตนเองไม่เคยมีความคิดที่จะแบ่งแยกประเทศ และ สปป.ล้านนา ในความหมายของตนเองหมายถึง “สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา” ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรณรงค์ให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา ไม่ได้หมายความถึง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา อย่างที่มีการเข้าใจกัน
ทั้งนี้เรื่องการแบ่งแยกประเทศที่มีการพูดถึงนั้น ตนเพียงแต่อธิบายตามหลักวิชาการเท่านั้นว่าประเทศไทยแบ่งแยกไม่ได้ เพราะคนในประเทศมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ภาษา ศาสนา และในหลวงพระองค์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแบ่งแยกการปกครองนั้นเป็นไปได้ โดยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ได้แก่ 1. การดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง 2. การใช้หลักปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม และ 3. ไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถ้าหากองค์ประกอบทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกันและมีความรุนแรงก็จะนำไปสู่การจัดการตนเองได้
ส่วนกรณีที่มีผู้นำป้ายขอแบ่งแยกประเทศไปติดตั้งไว้ที่บริเวณสะพานข้ามแยกดอนจั่น ถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง รวมทั้งที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงโพกผ้าพิมพ์คำว่า “สปป.ลานนา” ไปให้กำลังใจรักษาการนายกรัฐมนตรีนั้น
นายเพชรวรรตยืนยันว่า ตนเองและกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น ทั้งนี้ การที่ทางกองทัพภาคที่ 3 โดยมณฑลทหารบกที่ 33 ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตนเองในข้อหาตามความผิดกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 นั้น ตนพร้อมที่จะไปรับทราบข้อกล่าวหา ชี้แจงและต่อสู้คดี รวมทั้งจะดำเนินการแจ้งความกลับด้วย เนื่องจากตนไม่ได้กระทำความผิดใดๆ และมั่นใจในความบริสุทธิ์