ประจวบคีรีขันธ์ - กำนัน-ผญบ. อปท.กุยบุรี รวมตัวยื่นหนังสือให้นายอำเภอกุยบุรี เรียกร้องให้ รก.อธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้แจง กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องปล่อยสัตว์ป่าในโครงการพระราชดำริฯ พร้อมเห็นว่าการนำเสนอของรายการ “เปิดปม” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นำเสนอประเด็นเรื่องการตายของกระทิงมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ชาวกุยบุรี ล่าสุด กรมอุทยานฯ เซ็นคำสั่งสับเปลี่ยนหัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี ไปอุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง และให้ หน.อุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง มาแทนตามที่ชาวบ้านกุยบุรี และผู้ว่าฯ ประจวบฯ ร้องขอแล้ว
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอำเภอกุยบุรี พร้อมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวบ้านอำเภอกุยบุรี กว่า 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายนิพนธ์ โชติบาล รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ออกมาชี้แจงกรณีให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า การตายของกระทิงป่ากุยบุรีทั้ง 24 ตัว อาจมีสาเหตุมาจากปัญหาการปล่อยสัตว์เข้าป่าโดยพลการ ผิดขั้นตอนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หลายประการ และไม่มีการกักกันโรค จึงทำให้อาจเกิดโรคระบาดที่มาจากสัตว์ที่ปล่อยเข้าป่าไปได้
โดยตัวแทนชาวบ้านกุยบุรี เช่น นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม นายนิติพัฒน์ แน่นแคว้น ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย และนายประจักษ์ สายน้ำเขียว ประธานชมรมปกป้องผืนป่ากุยบุรี ได้เป็นตัวแทนยืนหนังสือ จำนวน 3 ฉบับ ผ่านนายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี เพื่อส่งต่อไปยังสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งมีการออกอากาศรายการเปิดปม เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมด้วยนายนิพนธ์ โชติบาล รักษาการอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอให้ชี้แจงต่อกรณีการนำเสนอข่าว และการให้สัมภาษณ์ในรายการดังกล่าว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน และชุมชนในพื้นที่อำเภอกุยบุรี ต่อการทำหน้าที่ร่วมกันอนุรักษ์ และรักษาผืนป่ากุยบุรี ซึ่งการให้สัมภาษณ์ และการนำเสนอของรายการ “เปิดปม” ในวันดังกล่าวยังได้สร้างความเข้าใจผิดต่อผู้ชมรายการอีกด้วย
ด้านนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม ระบุว่า ข่าวที่รายการ “เปิดปม” นำเผยแพร่ออกอากาศไปแล้วนั้น ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างยิ่ง จึงอยากเรียกร้องให้รักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เดินทางมาพบกับชาวบ้านเพื่อพูดคุยถึงระเบียบของกรมอุทยานฯ และเรียกร้องให้รักษาการอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ลงพื้นที่มาสัมผัสการทำงานของชาวบ้านในพื้นที่สักครั้ง
นายศรีสวัสดิ์ เห็นว่าเนื่องจากที่ผ่านมาท่านยังไม่เคยเข้ามากุยบุรีเลย แล้วจะทราบข้อเท็จจริงได้อย่างไร และขอยืนยันว่า ชาวบ้านกุยบุรีไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเป็นผู้มีอิทธิพลใดๆ ต่อตำแหน่งหัวหน้าอุทยานกุยบุรี แต่การทำหน้าที่ของชาวบ้านอำเภอกุยบุรีนั้น ล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ในการดูแลรักษาผืนป่ากุยบุรีทั้งสิ้น ซึ่งเป็นผืนป่าที่ในหลวงทรงพลิกฟื้นจากไร่สับปะรด สู่ป่าใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดในปัจจุบัน ช้าง กระทิง วัวแดง และเสือโคร่ง ฯลฯ
ด้านนายนิติพัฒน์ แน่นแคว้น ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย กล่าวว่า ชาวบ้านกุยบุรียืนยันได้ว่าที่ผ่านมาการดำเนินกิจกรรมเพื่อรักษาผืนป่ากุยบุรี ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสัตว์ป่า ภายในโครงการพระราชดำริฯ โครงการฟื้นฟูบริเวณสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือกิจกรรมอื่นใดมีการแจ้งข้อมูลเป็นขั้นตอนมาโดยตลอด
โดยเฉพาะการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ป่า ทุกโครงการเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งสิ้น อีกทั้งสัตว์ป่าทั้งหมด ทั้งกวาง เนื้อทราย หรือหมูป่า ทั้งหมดเป็นสัตว์ป่าที่เพาะขยายพันธุ์จากโครงการสวนป่าหาดทรายใหญ่ และโครงการพระราชดำริฯ ห้วยทราย ชะอำ ทั้งหมด ไม่ได้เป็นสัตว์บ้านสัตว์วัดตามที่มีการนำเสนอข่าวอย่างคลาดเคลื่อนของทางรายการ “เปิดปม” สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
นายนิติพัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งก่อนการปล่อยเข้าสู่ป่ายังมีการล้อมรั้วให้สัตว์เรียนรู้ธรรมชาติภายในพื้นที่โครงการพระราชดำริฯ ก่อนเป็นกว่า 1 เดือน ก่อนที่จะปล่อยเข้าป่า และที่สำคัญที่สุดกิจกรรมทุกครั้งมีผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทั้งรองอธิบดีกรมอุทยานฯ เข้าร่วมกิจกรรมมาโดยตลอด และมีผู้ใหญ่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอำเภอกุยบุรี ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็เคยมาร่วมกิจกรรมปล่อยสัตว์ป่ามาแล้วทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน นายประจักษ์ สายน้ำเขียว ประธานชมรมปกป้องผืนป่ากุยบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ข่าวเรื่องกระทิงตายที่ป่ากุยบุรีเริ่มเงียบลง ที่ผ่านมา มีการให้ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เฉพาะในส่วนของการค้นหาสารพิษ ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้กระทิงตายทั้ง 24 ตัวเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึงกระทิงตัวที่ 4 ที่เขากระทิงหาย และไม่มีใครพูดถึงการลักลอบฝังกระทิงตัวที่ 18 เลย ซึ่งกระทิงทั้ง 2 ตัวมีเงื่อนงำที่น่าสงสัยที่อาจทำให้สาวไปถึงผู้ที่กระทำผิดได้
นอกจากนี้ ในส่วนของชาวบ้านที่เป็นสมาชิกชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ช้างป่ากุยุบรี หลายคนได้ออกมาเรียกร้องด้วยเช่นกัน โดยขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช คลี่คลายสถานการณ์เหตุกระทิงตายโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวชมช้างป่า และกระทิงป่ากุยบุรีได้ตามปกติ เพราะปิดอุทยานมานานร่วม 2 เดือนแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดือดร้อนเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติกุยบุรี แต่ไม่สามารถท่องเที่ยวได้ อีกทั้งไกด์ท้องถิ่น และสมาชิกในชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ฯ ที่ให้บริการรถยนต์นำเที่ยวก็ขาดรายได้เสริม
โดยเชื่อมั่นว่า การร่วมกันรักษาผืนป่า และการดูแลสัตว์ป่าด้วยการมีส่วนร่วมของชาวบ้านกับอุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่ผ่านมา ไม่เกิดการรบกวนซึ่งกันและกัน ให้สัตว์ป่าได้อยู่ในป่า และคนอยู่รวมกับป่าได้ ตามพระราชดำริฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และยืนยันด้วยว่า รายได้จากการนำเที่ยวชมสัตว์ป่าไม่ได้มากมายจนนำไปสู่ปัญหาขัดแย้งได้ โดยมีการเก็บค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่อการนำเที่ยว 1 ครั้ง ใช้รถยนต์ 1 คัน ไกด์ท้องถิ่น 1 คน รับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 10 คน เสียค่าใช้จ่าย 750 บาท โดยแบ่งเป็นค่ารถยนต์พร้อมน้ำมันรถ 500 บาท ค่าไกด์ท้องถิ่น 100 บาท ค่านำรถยนต์เข้าอุทยานฯ 100 บาท และอีก 50 หักเข้าชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ฯ เพื่อเก็บไว้ทำกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ในพื้นที่เท่านั้น
นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี กล่าวด้วยว่า ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายการเปิดปม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยในเบื้องต้นไปแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางมาทำข่าวการเรียกร้องของชาวบ้านกุยบุรีที่ทางรายการเปิดปมนำเสนอรายงานข่าวมีความคลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากทีมงานติดถ่ายรายการในพื้นที่อื่น
อย่างไรก็ตาม ได้มีการประสานงาน และพูดคุยกับผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ในพื้นที่แล้วทราบว่าได้แจ้งให้ทางรายการเปิดปม ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมที่จะส่งหนังสือไปให้ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้รับทราบต่อไป เพื่อให้นำไปสู่การชี้แจง และการรายงานข่าวที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปัญหากระทิงตายในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมากจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.56 ที่ผ่านมา และกรมอุทยานฯ มีคำสั่งย้ายหัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี และหัวหน้าโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติฯ ไปแล้ว และมีการแต่งตั้งหัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี คนใหม่มาแทนที่ทันทีโดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลเท็จจริงก่อนว่ากระทิงเป็นอะไรตายนั้น และชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท.ในกุยบุรี เห็นว่าหัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี ที่แต่งตั้งมาใหม่นั้นไม่มีมีความเหมาะสม และทำหนังสื่อยื่นให้นายอำเภอกุยบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้มีการเปลี่ยนหัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี คนใหม่มาแทน
ซึ่งล่าสุด นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า ได้ประสานไปยังรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ แล้วทราบว่า คำสั่งได้ออกแล้ว โดยให้หัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี ไปทำหน้าที่อุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง อ.ทับสะแก และให้หัวหน้าอุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง มาทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี ซึ่งตรงนี้เบื้องต้นได้แจ้งให้ทางชาวบ้านในพื้นที่กุยบุรี รับทราบแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าสถานการณ์ทุกอย่างคงคลี่คลายไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งทราบว่าขณะนี้หัวหน้าอุทยานฯ ทั้ง 2 คนอยู่ในระหว่างที่จะต้องส่งมอบงาน คาดว่าคงในเร็วๆ นี้