ประจวบคีรีขันธ์ - นายอำเภอกุยบุรี จนท.อุทยานฯ กุยบุรี กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน ตร.ยางชุม ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริฯ พบซากกระทิงตายอีก 1 ตัว ถูกฝังในโครงการพระราชดำริ โดยที่ไม่มีหน่วยงานใดแจ้งให้ทราบมาก่อน รวมเป็นตัวที่ 18 พร้อมเรียกร้องให้ หน.โครงการกุญชรฯ ตอบสังคมให้ได้ว่า ใครเป็นผู้ฝัง ส่วนตำรวจมั่นใจถูกวางยา 90% พรุ่งนี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง
วันนี้ (29 ธ.ค.) นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี พ.ต.ท.พีรพล ภู่นิติ ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 145 ค่ายพระมงกุฎ ร.ท.ณรงค์ชัย แตงอ่อน หัวหน้าชุดประสานงานโครงการพระราชดำริบ้านรวมไทย กำลังเจ้าหน้าเกือบ 20 นาย พร้อมด้วย นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม นายนิติพัฒน์ แน่นแคว้น ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย อ.กุยบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางชุม และชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบบริเวณโดยรอบจุดที่พบซากกระทิงตัวที่ 4 ที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่บริเวณข้างห้วยกุญชร หมู่ 7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี และสังเกตเห็นบริเวณดังกล่าวมีร่องรอยฝังกลบใหม่ๆ ยาวประมาณ 3 เมตร มีเศษขนสัตว์ตกกระจัดกระจาย และแมลงวันตามต้นไม้อยู่เป็นที่น่าสงสัย
นายอำเภอกุยบุรี จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็กโฮมาขุดลงไปลึกประมาณ 5 เมตร ถึงกลับตะลึงเมื่อพบซากกระทิงเพศผู้ หนักประมาณ 1.5 ตัน อายุประมาณ 10-12 ปี สภาพซากเน่าเหมือนทุกตัว ไม่มีร่องรอยของการถูกยิง และถูกสัตว์ป่าล่าแต่อย่างใด ถูกฝังอยู่ในหลุม ส่วนหัว และเขายังอยู่ครบ ซึ่งตายมาแล้วหลายวัน จึงประสานไปยัง พ.ต.ท.มนัส ฑิตะลำพูน รอง ผกก.สส.สภ.บ้านยางชุม เข้าร่วมตรวจสอบก่อนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.ท.นิวัฒน์ โพธิทัย พนักงานสอบสวน สภ.ยางชุม อ.กุยบุรี
นายพงษ์พันธ์ กล่าวว่า จากที่ร่วมกับชาวบ้านนำหัวกระทิง 17 ตัว ตั้งใจไปเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์จนสังเกตว่าเขาแก่กระทิงตัวตัวที่ 4 มีคนแซะถอดออกมาจึงไปตรวจจุดที่พบซากกระทิงอีกรอบ กลายเป็นว่าเจอตัวที่ 18 เพิ่ม ซึ่งซากกระทิงตัวดังกล่าวไม่มีใครรายงานให้ทราบ และใครเป็นผู้กลบฝังเหมือนมีเงื่อนงำ จึงแจ้งความไว้เพื่อหาตัวคนฝัง และรายงานให้ นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ทราบ พร้อมรอหนังสือตอบกลับจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมตรวจสอบซากกระทิงว่าก่อนหน้านี้ มีใครถอดเอาเขาดังกล่าวไปหรือไม่
นายณรงค์ศักดิ์ พิพัฒน์เสถียรไทย กำนันตำบลกุยบุรี ในฐานะประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอำเภอกุยบุรี กล่าวว่า เรื่องการตายของกระทิงทั้งหมดต้องมีเงื่อนงำเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการที่มีการขุดหลุมฝังกระทิงตัวนี้ในพื้นที่โครงการกุญชร ในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเฉพาะการปกปิดไม่แจ้งหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอกุยบุรี อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จนกระทั่งวันนี้มาขุดเจอ
“เรื่องนี้ นายกมล อุ่นใจ หัวหน้าโครงการกุญชร ถึงแม้ถูกคำสั่งย้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว กรมอุทยานฯ ต้องไปสอบสวนให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่แจ้งเพราะเป็นพื้นที่ซึ่งตนเองรับผิดชอบ อีกทั้งการฝังซากกระทิงตัวที่พบนั้นเป็นการใช้รถแบ็กโฮเข้ามาขุดหลุมฝัง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตอบคำถามต่อชาวบ้าน และสาธารณชนให้ได้ ยิ่งกระทิงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง การกระทำใดๆ ที่ไม่แจ้งถือว่ามีความผิดปกปิดซ่อนเร้นอำพราง”
นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี กล่าวว่า ซากที่ไปช่วยกันขุดขึ้นมาดูแล้วไม่ได้มีร่องรอยถูกสัตว์ล่าเหยื่อแทะแต่อย่างใด เป็นซากที่น่าจะเกิดการตายในช่วงเดียวกันระหว่างกระทิงตัวที่ 1-4 สิ่งสำคัญซากตัวนี้ที่เรามาพบว่ามีการขุดฝัง ทำไมเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลโครงการพระราชดำริฯ ถึงไม่ยอมแจ้ง และใช้อำนาจอะไรมาทำการฝัง อย่างไงก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้กระทิงที่กุยบุรี ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติอย่างแน่นอน มีการทำให้ตายแต่โดยวิธีใดเท่านั้น วันนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันค้นหาความจริงให้ได้กับเรื่องการตายของกระทิง ในโครงการพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงฟื้นฟูสภาพป่า จนมามีป่า และสัตว์ป่ามากว่า 10 ปี
นายนิติพัฒน์ แน่นแคว้น ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าการแอบฝังซากกระทิงครั้งนี้ ในพื้นที่ของโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี อันเนื่องมากจากพระราชดำริครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และตัวนายกมล อุ่นใจ หัวหน้าโครงการฟื้นฟูสภาพป่าฯ ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่จุดนี้ และกระทิงตายถึง 17 ตัว และชาวบ้านมาพบมีการแอบฝังวันนี้อีก 1 ตัว
“จะตอบไม่รู้คงไม่ได้ กระทิงตัวขนาดใหญ่ รถแบ็กโฮที่เข้ามาขุดก็ต้องผ่านสำนักงานเข้ามา ตอนนี้ชาวบ้านบ้านอำเภอกุยบุรี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำลังรอคำตอบ ยิ่งพรุ่งนี้ทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังลงมาพื้นที่ยิ่งต้องหาคำตอบมาด้วย รวมไปถึงไม่ต้องการ หน.อุทยานฯกุยบุรี คนใหม่ ซึ่งโดนศาลเพชรบุรี ตัดสินสั่งจำคุกมาก่อนในเรื่องของความผิด ถึงแม้จะมีการรอลงอาญาก็ตาม”
นายวัฒนา พรประเสริฐ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กล่าวว่า ล่าสุด ได้รายงานเรื่องนี้ให้นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับทราบในเบื้องต้นของการพบซากกระทิงที่ถูกแอบฝังเอาไว้ในพื้นที่โครงการกุญชร และรายงานด้วยว่าทางนายอำเภอกุยบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี ฯลฯ ได้เข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านยางชุม ไว้แล้ว
ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้รับรายงานการพบซากกระทิงตัวที่ 18 จากทางอุทยานฯ กุยบุรี ซึ่งคงต้องดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป ในเบื้องต้นผมยังตอบอะไรไม่ได้ ในวันพรุ่งนี้ทางตน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินทางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของการพบซากกระทิงถึง 18 ตัว ในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมากจากพระราชดำริ
ด้าน พ.ต.อ.อำพันธุ์ ชมกรด ผกก.สภ.บ้านยางชุม กล่าวว่า ความชัดเจนเรื่องการพบซากกระทิงในพื้นที่โครงการกุญชรยิ่งชัดมากขึ้น วันนี้พบซากระทิงมีการแอบมาฝังเอาไว้ จุดนี้ในแนวทางการสืบสวนของตำรวจมั่นใจว่ากระทิงจะต้องถูกสารพิษ หรือวางยา 90% เพียงแต่ต้องหาหลักฐานเท่านั้น ซึ่งในส่วนของทางตำรวจก็หาข้อมูล และหลักฐานตั้งแต่ตัวที่ 1 จนถึงขณะนี้ถึง 18 ตัว
“วันนี้เราต้องคิดกันง่ายๆ ว่า มีการตายในบ้านแต่ไม่มีการแจ้ง เกิดจากอะไรเจ้าของบ้านจะต้องรู้ดีที่สุด วันนี้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กุยบุรี นายอำเภอกุยบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มาลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ซึ่งทางตำรวจก็ต้องรอเรื่องของผลพิสูจน์จากการเก็บตัวอย่างของสัตวแพทย์ที่นำไปยังห้องแล็บ ซึ่งได้ข่าวว่าในปีหน้าเดือนมกราคม แต่ทางตำรวจก็ดำเนินการในส่วนของการสืบสวนเก็บข้อมูลเบื้องต้นไปบ้างแล้ว ผมยอมรับว่าการตายของกระทิงในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีความไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นนอน”