ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวอำเภอภูเวียงจัดงาน “บุญข้าวจี่” หรืองานบุญเดือนสาม ร่วมกันปั้นข้าวจี่ใหญ่ที่สุดในโลก ยาวกว่า 5 เมตร ใช้ข้าวเหนียว 150 กิโลกรัม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่สถานปฏิบัติธรรมวัดถ้ำเสือ เกาะกุดหิน ต.หว้าทอง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น พุทธศาสนิกชนจำนวนมากใน อ.ภูเวียงร่วมกันปั้น “ข้าวจี่ยักษ์” ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานประเพณีบุญข้าวจี่หรือบุญเดือนสาม ประเพณีของชาวอีสาน เนื่องจากช่วงเดือนสามเป็นช่วงที่ชาวนาทำนาเสร็จสิ้นแล้ว และนำข้าวขึ้นยุ้งใหม่ จึงได้ร่วมทำบุญข้าวจี่ถวายพระสงฆ์
ทั้งนี้ ข้าวจี่ยักษ์มีความยาว 557 เซนติเมตร (โดยใช้ตัวเลขมงคลคือ พ.ศ. 2557 แต่ตัดเลข 2 ออก) เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ใช้ข้าวเหนียว 150 กิโลกรัม ไข่ไก่ 400 ฟอง กะทิ 30 กิโลกรัม โดยข้าว ไข่ กะทิได้มาจากชาวบ้านร่วมใจกันบริจาค โดยใช้เวลาทำโครงไม้ไผ่กว่า 1 สัปดาห์ ใช้เวลาปั้นข้าวจี่ 3-4 ชั่วโมง และใช้เวลาย่างราว 1 ชั่วโมง ชาวบ้านจึงต้องช่วยกันหมุนไม้แกนข้าวจี่เพื่อให้ข้าวจี่สุกอย่างทั่วถึง
วัตถุประสงค์ที่ช่วยกันทำข้าวจี่ยักษ์เพราะต้องการแสดงพลังสามัคคี และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของวัด ซึ่งอยู่บนเกาะท้ายเขื่อนอุบลรัตน์
สำหรับวิธีทำข้าวจี่ยักษ์นั้น ชาวบ้านจะนำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วมาผสมกะทิเพื่อให้ข้าวเหนียวนุ่ม จากนั้นนำข้าวเหนียวไปปั้นบนโครงไม้ไผ่ แล้วจี่หรือย่างไฟ เมื่อข้าวจี่สุกได้นำข้าวจี่ไปถวายแด่พระสงฆ์ และแบ่งปันกัน โดยเชื่อว่าการได้กินข้าวจี่ในงานบุญจะเป็นมงคลต่อชีวิต
งานบุญข้าวจี่มีเรื่องเล่าตามความเชื่อว่า ในสมัยพุทธกาล นางปุณณะทาสี ได้นำขนมแป้งจี่ถวายแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอานนท์เถระ ครั้นถวายแล้วนางคิดว่าพระองค์คงไม่เสวยเพราะขนมแป้งจี่ไม่น่ารับประทาน แต่พระพุทธเจ้าทราบว่านางปุณณะทาสีคิดอะไร จึงสั่งให้พระอานนท์ฉันแป้งจี่ เป็นผลให้นางยินดี และเมื่อนางได้ฟังพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็บรรลุโสดาบันปัตติผลด้วยอานิสงส์ที่ถวายแป้งจี่ ชาวอีสานจึงเชื่อในอานิสงส์ของการทำบุญข้าวจี่
พระครูโอภาส ธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านโป่งสังข์ ผู้สนองงานดูแลสถานปฏิบัติธรรมวัดถ้ำเสือ เกาะกุดหิน กล่าวว่า เกาะกุดหินอยู่ท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ หน่วยงานราชการพยายามเข้ามาพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทางวัดได้สนับสนุนเรื่องนี้อยู่ โดยหนุนให้เป็นชุมชนท่องเที่ยว และปกติมีการจัดงานบุญข้าวจี่เป็นงานที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เมื่อประมวลเข้ากับการท่องเที่ยว ทางวัดจึงอยากปั้นข้าวจี่ยักษ์เพื่อประชาสัมพันธ์สถานปฏิบัติธรรมและเกาะ ซึ่งปกติก็ปั้นข้าวจี่แบบต่างคนต่างนำมา เป็นการปั้นข้าวจี่ก้อนเล็กๆ จึงร่วมใจปั้นข้าวจี่ยักษ์เพื่อแสดงพลังความสามัคคีเหนียวแน่นเหมือนข้าวเหนียว
