ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - หนาวพ่นพิษ! ปลาเลี้ยงในกระชังของเกษตรกร อ.ครบุรี โคราช ช็อกตายเกือบ 2 แสนตัว สูญกว่า 8 ล้าน ด้านประมงจังหวัดฯ ระบุเหตุอากาศแปรปรวนทั้งฝนตกและหนาวเย็นแบบฉับพลัน และสภาพน้ำสะสมอาหารปลาทำให้เกิดกรดแก๊สส่งผลขาดออกซิเจนปลาทับทิมตายเป็นเบือ แนะปรับสภาพน้ำเพิ่มออกซิเจน
วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังในอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ว่า หลังจากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ทำให้จังหวัดนครราชสีมามีอากาศหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้ในกระชังเกิดการช็อกตายเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังด้านทิศตะวันออกของอ่างเก็บน้ำลำแชะ ใกล้สปิลเวย์ เขตพื้นที่บ้านมะค่า หมู่ 4 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา กำลังเร่งเก็บซากปลาทับทิมที่ทยอยลอยขึ้นมาตายอยู่ในกระชังจำนวนมากกว่า 170 ตัน หรือประมาณ 170,000 กิโลกรัม ใส่รถบรรทุก เพื่อนำไปขายในตลาดสด และมีบรรดาพ่อค้า แม่ค้าบางส่วนได้เดินทางมารับซื้อถึงกระชัง
นายชิตติพันธ์ คงนก อายุ 40 ปี ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง เปิดเผยว่า ปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้จำนวนกว่า 10 กระชัง อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่าร่วม 1 ล้านบาท เพื่อเตรียมจับออกขายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 นี้ แต่ต้องตายทั้งหมดเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปลาช็อกและลอยขึ้นมาตายเหนือน้ำตั้งแต่เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) และทยอยตายมาเรื่อยๆ ตนต้องนำปลาตายออกเร่ขายในราคาถูก 3 กิโลกรัม 100 บาท แต่ตัวที่เน่าเหม็นต้องนำไปฝังทิ้ง
“ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง อ.ครบุรีต้องขาดทุนยับเยิน จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ มิใช่มาตรวจสอบหาสาเหตุเพียงอย่างเดียวแล้วหายไป เพราะเกษตรกรทุกรายต้องกู้เงินมาลงทุน ยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะปลดหนี้สินได้หมด” นายชิตติพันธ์กล่าว
ขณะที่ นายสมพร กุลบุญ ประมงจังหวัดนครราชสีมา ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ประมงลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุการตายของปลาเป็นจำนวนมาก พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้น
นายสมพรกล่าวว่า จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งมีฝนตกลงมา จากนั้นอากาศได้หนาวเย็นแบบฉับพลัน อุณหภูมิลดลงกว่า 12 องศาเซลเซียส เฉลี่ยอุณหภูมิของน้ำประมาณ 14 องศาฯ ประกอบกับท้องฟ้าปิด รวมทั้งปัจจัยของสภาพน้ำที่เกิดการสะสมของอาหารและมูลของปลาที่ถูกเลี้ยงในกระชัง และปลาอยู่ในสภาพค่อนข้างแอดอัด จึงทำให้เกิดก๊าซแอมโมเนีย หรือก๊าซไข่เน่า ส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำเหลือเพียง 3 พีพีเอ็ม ปลาไม่สามารถปรับสภาพได้ทันต่ออากาศที่หนาวเย็นลง จึงกินอาหารน้อยลง หากเกษตรกรให้อาหารมาก เมื่อปลากินไม่หมดก็จะเกิดเป็นกรดหรือแก๊ส เป็นสาเหตุทำให้ปลาทับทิมที่เลี้ยงในกระชังกว่า 150 กระชังเกิดอาการช็อกตายแบบกะทันหันเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละกระชังมีปลาทับทิมประมาณ 1,200 ตัว รวมจำนวนทั้งหมด 1.8 แสนตัว น้ำหนักเฉลี่ยตัวละ 1 กิโลกรัม ราคาขายกิโลกรัมละ 90 บาท มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 8 ล้านบาท
“สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชังทราบแล้วว่าช่วงนี้ควรหยุดการให้อาหาร แล้วเร่งเติมออกซิเจนในน้ำ โดยใช้เครื่องปั่นตีน้ำ พร้อมกับเทน้ำชีวภาพลงในน้ำ 1 ตัน เพื่อช่วยปรับความสมดุลของน้ำตามธรรมชาติ” นายสมพรกล่าว
