“เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก” หนีหน้า ปัญหาฎีกาไล่พระออกยกวัดจบไม่ลง

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก” โคราชหนีหน้า ปัญหาฎีกาลุแก่อำนาจไล่พระออกยกวัดหนองตะลุมปุ๊กจบไม่ลง เผย นอภ.หนองบุญมากนำ จนท.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมคณะสงฆ์ผู้ปกครองประชุมร่วมชาวบ้านทุกฝ่ายเปิดใจเคลียร์ปัญหา รักษาการเจ้าอาวาสฟันธงให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่เอาถูกเอาผิดและมาเริ่มต้นกันใหม่ แต่เจ้าคณะอำเภอฯ ไม่มายืนยัน สุดท้ายยังไม่ได้ข้อยุติ

วันนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก จ.นครราชสีมา มีหนังสือหรือฎีกาเลขที่ จ.อ.117/2556 ลงวันที่ 12 พ.ย. 2556 สั่งให้พระสงฆ์จำพรรษาในวัดหนองตะลุมปุ๊ก ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก ทั้งหมด 3-5 รูปออกจากวัดกลับภูมิลำเนาเดิม โดยไม่เป็นธรรมไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง และไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทำให้พระผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าคณะอำเภอฯ ที่ สภ.หนองบุญมาก เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุดทางอำเภอหนองบุญมาก นำโดยนายชัยชาญ พูลผล นายอำเภอหนองบุญมาก, พ.ต.อ.เชษฐ เชยชุ่ม ผกก.สภ.หนองบุญมาก และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา พร้อมฝ่ายคณะสงฆ์ ประกอบด้วยพระครูวิมล สารวิสุทธิ์ (หลวงพ่อแก่น) รองเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองตะลุมปุ๊ก, พระครูสุนทร ปัญญาพิมล เจ้าคณะตำบลหนองตะไก้ ซึ่งปกครองสงฆ์ในเขต ต.หนองไม้ไผ่ด้วย ได้มาประชุมร่วมกับกลุ่มผู้นำท้องถิ่น ทั้งนายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนชาวบ้านหนองตะลุมปุ๊ก, บ้านด่านก่อโจด ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก กว่า 100 คนเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย และชี้แจงข้อระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมหารือในที่ประชุมเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม พระครูวรธรรมทัต เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก ผู้ออกหนังสือหรือฎีกาไล่พระออกยกวัดดังกล่าว ไม่ได้มาร่วมประชุมชี้แจงเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด

จากนั้นที่ประชุมได้ให้ตัวแทนชาวบ้านแต่ละฝ่ายชี้แจงข้อเท็จจริงที่มาของปัญหา โดยฝ่ายกลุ่มผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊กได้ส่งนายสาม พาขุนทด สามีนางสกุล พาขุนทด ผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก ขึ้นชี้แจงสรุปสาระได้ว่า พระ 3-5 รูปดังกล่าวเพิ่งเข้ามาจำพรรษาอยู่ในวัดหนองตะลุมปุ๊กเป็นพรรษาแรก โดยมีญาติในหมู่บ้านเป็นผู้นิมนต์มา ซึ่งไม่มั่นใจว่าเข้ามาอยู่วัดแห่งนี้ถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมาเมื่อเกิดปัญหาอะไรทางผู้ใหญ่บ้านได้ประนีประนอมมาตลอด จนกระทั่งมาถึงปัญหาเรื่องเงินกฐิน ที่พระดังกล่าวได้เป็นผู้ประกาศตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลและนำเงินไปฝากในบัญชีธนาคารใหม่ โดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน และไม่มีกรรมการชุดเดิมของวัดร่วมอยู่ด้วย จนชาวบ้านมองว่าเป็นการข้ามหัวผู้ใหญ่บ้านและเข้ามาร้องเรียน ผู้ใหญ่บ้านจึงนำชาวบ้านไปหาเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากวันที่ 11 พ.ย.จนมีฎีกาดังกล่าวออกมาในวันรุ่งขึ้น (12 พ.ย.)

ขณะที่นางเยาวภา คู่กระโทก อายุ 45 ปี ชาวบ้านหนองตะลุมปุ๊ก ตัวแทนชาวบ้านอีกกลุ่ม ระบุว่า เรื่องเงินกฐินไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระ แต่เป็นการดำเนินการไปตามความประสงค์ของเจ้าภาพและชาวบ้านที่ร่วมกันจัดงานบุญกฐินขึ้น ซึ่งได้นำไปหารือหลวงพ่อแก่น รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองตะลุมปุ๊กแล้ว ก่อนนำไปฝากไว้ในธนาคาร โดยมีกรรมการดูแล 3 คน หนึ่งในนี้มีพระสงฆ์ร่วมอยู่ด้วย 1 รูป ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้ใหญ่บ้านมีปัญหาไม่พอใจในเรื่องนี้ ในฐานะผู้ปกครองท้องถิ่นทำไมไม่เข้ามาพูดคุยแก้ปัญหาร่วมกับชาวบ้าน ทำไมต้องนำเรื่องไปฟ้องเจ้าคณะอำเภอจนมีฎีกาไล่พระออกจากวัดโดยไม่มีการสอบสวนอะไรเลย

“จนถึงวันนี้ทั้งพระและชาวบ้านเราเองยังไม่ทราบเลยว่าพวกเราทำผิดอะไร เจ้าคณะอำเภอฯ นัดจะมาชี้แจงหลายครั้งแล้วก็ไม่มา ทำให้ต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และชาวบ้านในชุมชนหรือพระในวัดก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่บ้านนำเรื่องไปฟ้องเจ้าคณะอำเภอและมีฎีกาขับไล่พระดังกล่าว” นางเยาวภากล่าว

ด้านพระอุรณศรี อตตวโร ผู้แทนฝ่ายพระสงฆ์วัดหนองตะลุมปุ๊ก ในฐานะได้รับความเสียหายจากฎีกา กล่าวว่า พระทั้งหมดที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองตะลุมปุ๊ก เนื่องจากได้รับนิมนต์จากญาติโยมในหนองตะลุมปุ๊กและเห็นว่าวัดหนองตะลุมปุ๊กไม่มีพระจำพรรษาอยู่เลยจึงรับนิมนต์มาอยู่ที่นี่ พร้อมไปกราบขออนุญาต หลวงพ่อแก่น รักษาการเจ้าอาวาสแล้วและได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้อง สำหรับปัญหาเรื่องเงินผ้าป่า เงินทำบุญต่างๆ ของวัดที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหาไม่ชอบมาพากลหลายครั้งแต่พระไม่กล้าออกมาพูดเพราะเพิ่งมาอยู่ใหม่

ส่วนเรื่องฎีกาของเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมามากสั่งให้พระออกจากวัดนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องเป็นธรรม ไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง และไม่เป็นไปตามขั้นตอน แม้กระทั่งตราประทับหนังสือก็เป็นตราที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งข้อกล่าวหาว่าไม่สามารถชี้ทางถูกผิดให้ญาติโยมได้ และสร้างความขัดแย้งแตกความสามัคคีให้แก่ชาวบ้านก็ไม่เป็นความจริง อีกทั้งยังระบุในหนังสือว่าจะแจ้งให้ฝ่ายบ้านเมืองได้รับทราบและมีการนำใบฎีกาไปติดตามศาลาหมู่บ้านและถ่ายสำเนาไปแจกจ่ายเป็นใบปลิวตามหมู่บ้านด้วย ซึ่งสร้างความเสียหายแก่พระและเสื่อมเสียถึงพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของพระดังกล่าวอย่างร้ายแรง เมื่อหาความเป็นธรรมไม่ได้จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้

ทางด้านพระครูวิมล สารวิสุทธิ์ (หลวงพ่อแก่น) รองเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองตะลุมปุ๊ก ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยตรง กล่าวภายหลังรับฟังการชี้แจงจากทุกฝ่าย รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมาได้ชี้แจงข้อกฎหมายแล้วว่า อาตมาภาพรับฟังการชี้แจงเพื่อแก้ปัญหานี้ 2 ครั้งแล้วและมีความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้จึงขอสรุปว่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้เลิกแล้วต่อกัน เรื่องเอาถูกเอาผิดไม่ต้องเอา ให้เลิกต่อกัน ส่วนเรื่องใบฎีกานั้นในเมื่อเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากนัดมาชี้แจงหลายครั้งแต่ไม่มาก็แสดงว่าไม่สนใจแล้ว เรื่องฎีกาก็ให้เอาทิ้งไปทั้งหมด แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่

“กรณีปัญหาเรื่องเงินวัด ให้นำเงินทุกบัญชีมารวมอยู่ในบัญชีเดียว แล้วตั้งคณะกรรมการวัดที่มีตัวแทนจากชาวบ้านทุกฝ่ายมาดูแล และมีตัวแทนฝ่ายสงฆ์ในฐานะเจ้าของบ้านร่วมอยู่ด้วย 1 รูป ให้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินร่วมกัน เพื่อให้การดำเนินทุกอย่างจากนี้ไปเป็นไปอย่างโปร่งใส และให้แจกแจงบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดอย่างละเอียดให้รับทราบโดยทั่วกันเป็นประจำทุกเดือน” พระครูวิมลกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปทางออกของปัญหาดังกล่าวได้รับการโต้แย้งจากชาวบ้านฝ่ายกลุ่มผู้ใหญ่บ้านว่า ฎีกาดังกล่าวออกโดยเจ้าคณะอำเภอ การยกเลิกหรือแก้ไขจึงเป็นอำนาจของเจ้าคณะอำเภอ ขณะที่ฝ่ายพระวัดหนองตะลุมปุ๊กผู้เสียหายจากฎีกาเอง เมื่อยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากฎีกาดังกล่าวหรือไม่และไม่ใครยืนยันได้ จึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในเรื่องการดำเนินคดีเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากที่ได้แจ้งความเอาไว้แล้ว