xs
xsm
sm
md
lg

“ผญบ.” รับนำทีมร้องเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากไล่พระยกวัด-เหตุแตกหักเงินกฐิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสกุล พาขุนทด ผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก ที่ถูกมองว่าอยู่เบื้องหลังฎีกาไล่พระวัดหนองตะลุมปุ๊กออกยกวัด
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผู้ใหญ่บ้าน” ยอมรับปัญหา “วัดหนองตะลุมปุ๊ก” อ.หนองบุญมาก โคราช เกิดจากเรื่องเงินกฐินที่มีการตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลเงินแทน โดยไม่หารือ ผญบ.แต่ข้ามหัวไปเหมือนเห็นเป็นสุนัข ทั้งที่มีกรรมการและบัญชีธนาคารเดิมของวัดอยู่แล้ว ระบุนำชาวบ้านโร่ร้อง “พระผู้ใหญ่” จนเจ้าคณะอำเภอฯ จนมีฎีกาไล่พระยกวัดจริง เผยพร้อมเคลียร์กับทุกฝ่าย แต่โยนปัญหาพระให้เป็นเรื่องของสงฆ์จัดการกันเอง

วันนี้ (21 พ.ย.) นางสกุล พาขุนทด ผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก หมู่ 3 ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งในวัดหนองตะลุมปุ๊ก ถึงขั้นเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากมีฎีกาสั่งให้พระออกยกวัดกลับภูมิลำเนาเดิมและผู้ใหญ่บ้านถูกมองว่าอยู่เบื้องหลัง จนล่าสุดคณะพระสงฆ์ผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าคณะอำเภอ ที่ สภ.หนองบุญมากว่า   ปัญหามีเพียงนิดเดียวคือเรื่องการทอดกฐิน (วันที่ 10 พ.ย.) ประเด็นคือ พระท่านได้ประกาศคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลเงินกฐินดังกล่าวทำให้คณะกรรมการชุดเก่าไม่พอใจ จึงมาร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านว่าทำอย่างนี้กับผู้ใหญ่บ้านกับชาวบ้าน กับวัดพวกเราได้อย่างไร พระท่านมาจากไหนเราไม่รู้ ท่านเพิ่งมาอยู่จำพรรษา ท่านมามีบทบาทอะไรมากขนาดนี้ เราในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็รับฟังเรื่องดังกล่าวและพาชาวบ้านไปหารือกับพระผู้ใหญ่

อันดับแรกคือ ไปพบพระครูวิมล สารวิสุทธิ์ หรือหลวงพ่อแก่น รองเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองตะลุมปุ๊กแต่ท่านอยู่ต่างจังหวัด จึงไปพบกับพระครูวรธรรมทัต เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ จากนั้นจึงให้ชาวบ้านกับพระได้คุยกันเอง พอคุยกันเสร็จ หลวงพ่อก็บอกว่าตอนเย็นวันที่ 11 พ.ย. 56 จะลงไปเคลียร์ปัญหาให้ ซึ่งท่านได้เข้าไปคุยกันเองกับคณะสงฆ์ที่อยู่วัดหนองตะลุมปุ๊กตนไม่ได้เข้าไปฟัง จากนั้นในวันที่ 12 พ.ย. 56 ท่านก็มีฎีกามาติดที่วัดและศาลาประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นไปตามที่กล่าวมา ผู้ใหญ่บ้านก็ทำอะไรไม่ได้

ส่วนเงินกฐินที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นนั้นมีที่ไปที่มาอย่างไร นางสกุลบอกว่าไม่ทราบเช่นกัน จู่ๆ พระท่านก็ประกาศว่าให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาดูแลเงินกฐิน และตนขอยืนยันว่าไม่มีกรรมการชุดเก่ารวมอยู่ในชุดใหม่ที่ท่านตั้งขึ้นแต่อย่างใด และไม่มีการหารือกับผู้ใหญ่บ้านเลย อย่างไรก็ตาม บัญชีธนาคารของวัดเดิมก็ไม่มีชื่อผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรวมอยู่ในนั้นอยู่แล้ว

“แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ชาวบ้านคงไม่พอใจ บอกว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นหมาหรือถึงข้ามหัวไป ทำไมไม่แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านรู้เรื่อง หรือปรึกษาหารือ เท่านั้นเองที่ทำให้เกิดประเด็นขึ้นมา” นางสกุลกล่าว

ต่อข้อถามว่าก่อนหน้านี้เงินที่ได้จากการทำบุญของญาติโยมหรือเงินบริจาคต่างๆ ของวัดมีการจัดการกันอย่างไร นางสกุลกล่าวว่า เป็นเรื่องของกรรมการวัด ซึ่งมีบัญชีเงินฝากธนาคารของวัดอยู่ 2 บัญชี คือบัญชีที่ 1 มีพระสงฆ์ คือ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองตะลุมปุ๊ก ร่วมกับฝ่ายฆราวาสอีก 2 คนที่มีสิทธิ์ลงนามเบิกจ่ายเงิน หรือมีการก่อสร้างภายในวัด และหลังจากที่พระเจ้าอาวาสมรณภาพแล้ว มีการไปเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารอีก 1 บัญชี โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเงินของวัด ซึ่งบัญชีนี้มีเฉพาะฝ่ายชาวบ้าน 4 คน เพราะไม่มีพระอยู่ในวัดและพระที่เข้ามาอยู่ใหม่ยังไม่มีสังกัดอะไรที่ชัดเจน จึงให้คณะกรรมการวัดดูแลไป

“คณะกรรมการดังกล่าวก็บริหารงานกันไป โดยไม่ต้องมาถามผู้ใหญ่บ้าน ถ้าจะสร้างอะไรภายในวัดให้ก็นัดคณะกรรมการมาคุยกัน ตกลงกันว่าราคาเท่าไหร่และจะให้ช่างคนไหนทำก็ให้คุยกัน และมอบหมายหน้าที่ให้แต่ละคน เขาทำกันจนเสร็จค่อยมาบอกผู้ใหญ่บ้าน เท่านั้นเองไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้ในเรื่องเงินของวัด” นางสกุลกล่าว

นางสกุลกล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านในหมู่บ้านหนองตะลุมปุ๊กสมัครสมานดีกันมาตลอด และตั้งแต่พระกลุ่มนี้เข้ามาผู้ใหญ่บ้านก็ยินดีปรีดามาโดยตลอด ชาวบ้านก็ดีกันมาตลอดเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับวันที่มีการทอดกฐิน ปัญหาคือเรื่องเงินกฐินนี้เรื่องเดียวไม่มีเรื่องอื่นเลยสำหรับผู้ใหญ่บ้าน เพราะหลังจากได้ยินพระท่านประกาศตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลเงินกฐิน ตนก็ได้หารือกับเจ้าภาพกฐินว่า ได้ยินเช่นนี้แล้วผู้ใหญ่บ้านรู้สึกไม่สบายใจ เอาอย่างนี้ได้ไหม คณะกรรมการชุดใหม่ ที่พระอาจารย์ (พระธงชัย ธมมโชโต) ประกาศมานั้น ให้มารวมกับบัญชีเก่า เวลาไปเบิกเงินก็รวมตัวกันไปเป็นโขยงก็ได้ เวลามีอะไรก็มาหารือกัน แต่ขออย่าแบ่งแยกบัญชีได้หรือไม่เพื่อลดปัญหา เพราะตอนนี้บ้านของเราปัญหาก็มากพอแล้ว ทางเจ้าภาพกฐินบอกว่าเป็นเรื่องของเขา ไม่ขอยุ่ง ตนก็เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรก็ปล่อยไป

“เรื่องเป็นแค่นี้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เป็นเรื่องนิดเดียวจริงๆ ถ้าสมมติว่าก่อนที่พระท่านจะประกาศ ท่านหารือกับผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการชุดเก่าอีกสักนิดก็คงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเช่นนี้” นางสกุลกล่าว

นางสกุลกล่าวอีกว่า ยืนยันว่าตนเองไม่ได้น้อยใจว่าทำอะไรข้ามหัวผู้ใหญ่แล้วไปทำให้มีปัญหาเรื่องนี้ (ฎีกาเจ้าคณะอำเภอฯ ไล่พระออกยกวัด) เกิดขึ้นมา เพราะผู้ใหญ่บ้านหาเงินมาให้วัดตลอด และอยากให้พระท่านมาดูแลช่วย ที่ผ่านมาท่านก็ช่วยงานเรามาเยอะ ชาวบ้านที่นิมนต์พระมาก็มาช่วยดูแลและช่วยงานวัดเยอะ แต่มันเป็นเรื่องนิดเดียวเท่านั้นเอง

ต่อข้อถามมาถึงวันนี้แล้วสามารถพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้หรือไม่ นางสกุลบอกว่า ผู้ใหญ่บ้านพร้อมจะคุยกับทุกคน เพราะผู้ใหญ่บ้านเป็นคนกลาง เป็นผู้ดูแลชาวบ้าน แต่เขาไม่ให้โอกาสเรา เราก็เฉยอย่างเดียวตามที่หลวงพ่อท่านสั่งว่าให้เราเฉย เป็นเรื่องของสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องยุ่ง ท่านขออย่างนี้ เราก็เฉยมาตลอดตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.จนถึงขณะนี้ ในตอนนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือคงต้องให้เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากลงมาคุยกับคณะสงฆ์ที่ท่านมีหน้าที่ต่อกัน ในส่วนของผู้ใหญ่บ้านถือว่าจบแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของสงฆ์

ส่วนจะให้พระกลุ่มนี้ออกจากวัดไปแล้วปัญหาความขัดแย้งจะจบสิ้นหรือไม่นั้น ผู้ใหญ่บ้านก็พูดไม่ได้ เพราะถ้าให้อยู่กลุ่มหนึ่งก็ไม่พอใจ แต่ถ้าให้ออกชาวบ้านอีกกลุ่มก็ไม่พอใจเช่นกัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนกลางต้องฟังชาวบ้านทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับผู้ใหญ่บ้านนั้นจะอย่างไรก็ได้ขอให้ชาวบ้านดีกัน ใครก็ได้ที่จะมาอยู่เป็นคณะสงฆ์ในวัด ขอให้เข้ามาสร้างความสามัคคีปรองดองให้แก่หมู่บ้านของเราก็เต็มใจ เรามีหน้าที่ดูแลพระท่านก็จัดสรรงบลงไป ส่วนตัวผู้ใหญ่บ้านไม่เคยเอาตัวเข้าไปยุ่งกับบัญชีเงินของวัด ไม่มีสิทธิ์เบิกจ่าย ไม่มีชื่อในคณะกรรมการ ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่หาเงินอย่างเดียว และประชุมหารือกับคณะกรรมการว่าจะทำอะไรกันดี

ต่อข้อถามว่า ปัญหากรณีมีฎีกาสั่งให้พระออกจากวัดที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่บ้านนำเรื่องไปฟ้องเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากทั้งที่ผู้นำท้องถิ่นมีหน้าที่แก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชุมชนของตัวเองนั้น นางสกุลกล่าวว่า ตนไม่ได้นำเรื่องไปฟ้อง คือชาวบ้านเดือดร้อนจึงมาหาผู้ใหญ่บ้าน และเราก็ไม่รู้จะไปปรึกษาหารือใครนอกจากพระสงฆ์ที่ใหญ่ขึ้นไปกว่านี้ให้ท่านดูแล เหมือนชาวบ้านเดือดร้อนก็พามาหานายอำเภอ ซึ่งทำตามขั้นตอนดีที่สุดแล้ว ส่วนจากนี้ไปคณะสงฆ์ท่านจะว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน

“อยากฝากชาวบ้านว่าเราควรหันมาสามัคคีกันจะดีกว่า เพราะเราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป ส่วนพระสงฆ์ท่านมาจากไหนเราไม่รู้ ท่านจะไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่านมาแล้วก็เห็นเรามีความสุขท่านก็ดี แต่ถ้าเห็นเราไม่มีความสุขท่านจะสุขไปได้อย่างไร” นางสกุลกล่าว
ผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก กับนายสาม พาขุนทด สามี
กลุ่มของผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก


กำลังโหลดความคิดเห็น