ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวบ้านสุดทนฮือต้าน “เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก” โคราช ลุแก่อำนาจออกฎีกาขับไล่พระออกยกวัด อ้างสร้างความแตกแยก จวกเป็นคำสั่งไม่เป็นธรรมไม่สอบสวนข้อเท็จจริงทั้งที่เป็นพระนักพัฒนา ลั่นสู้ร้องขอความเป็นธรรมถึงที่สุด ไม่ยอมให้พระดีไปไหน แฉกลุ่ม “ผู้ใหญ่บ้าน” เสียผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง แสบแจกประจานทั่วหมู่บ้าน ด้านพระสงฆ์ระบุเป็นฎีกามิชอบ สร้างความเสียหายถึงครูอาจารย์ ยันไม่เคยสร้างความแตกแยกให้ชาวบ้าน
วันนี้ (18 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดหนองตะลุมปุ๊ก หมู่ 3 ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ชาวบ้านหนองตะลุมปุ๊กหมู่ 3 และชาวบ้านด่านกอโจด หมู่ 5 ต.หนองไผ่ รวมกว่า 80 คน นำโดย นางเยาวภา คู่กระโทก อายุ 45 ปี ชาวบ้านหนองตะลุมปุ๊ก ได้รวมตัวกันชุมนุมคัดค้านและเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่คณะสงฆ์วัดหนองตะลุมปุ๊ก หลังจาก พระครูวรธรรมทัต เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก มีฎีกาเลขที่ จ.อ. 119/2556 ลงวันที่ 12 พ.ย. 2556 สั่งให้พระสงฆ์ในวัดหนองตะลุมปุ๊กที่มีอยู่ทั้งหมดรวม 5 รูป ออกจากวัดกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม โดยไม่ได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
โดยฎีกาดังกล่าวอ้างว่า คณะสงฆ์ที่จำพรรษาในวัดหนองตะลุมปุ๊กไม่สามารถชี้ทางถูกผิดให้แก่ญาติโยม มีแต่จะเพิ่มปริมาณอัตตาเกิดความแตกแยกสามัคคีในหมู่คณะและชาวบ้านอย่างไม่สิ้นสุด เกิดความเสียหายในวัดหนองตะลุมปุ๊กและชาวบ้านและการพระพุทธศาสนา จึงขอให้ พระธงชัย ธมมโชโต จังหวัดสมุทรปราการ พระคงเดช เตชธมโม จ.หนองบัวลำภู พระมงคล จันทะดวง จ.ขอนแก่น พร้อมคณะ ที่มาพักด้วยกันกลับภูมิลำเนาเดิม เพื่อไปสนองงานพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของตนเอง และเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายไปกว่านี้
พร้อมได้นำฎีกาดังกล่าวไปติดประกาศไว้ที่บริเวณศาลาการเปรียญ, กุฏิรวม ภายในวัดหนองตะลุมปุ๊ก และอีก 1 ฉบับติดประกาศไว้ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก อีกทั้งได้ถ่ายเอกสารนำไปแจกจ่ายเป็นใบปลิวภายในหมู่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก และหมู่บ้านด่านก่อโจดทั่วทั้ง 2 หมู่บ้านเป็นจำนวนมาก เสมือนต้องการประจานคณะสงฆ์ตามคำสั่งดังกล่าวให้ได้รับความอับอาย ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามด้วย
นางเยาวภา คู่กระโทก แกนนำชาวบ้านบอกว่า หลังจากวัดหนองตะลุมปุ๊กไม่มีพระมาจำวัดนานหลายเดือนเนื่องจากเจ้าอาวาสมรณภาพจากอุบัติเหตุ และไม่ค่อยมีใครเข้าวัดทำบุญ ทางชาวบ้านจึงได้นิมนต์พระทั้งหมดมาจำพรรษาที่วัดหนองตะลุมปุ๊กในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้เข้ามาพัฒนาวัดให้มีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ร่มรื่น และนำประชาชนญาติโยมสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ประกอบกิจกรรมประเพณีต่างๆ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ทำให้ชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และเยาวชน ทั้ง 2 หมู่บ้าน หันหน้าเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญกันมากขึ้น และได้ร่วมกันบริจาคเงินทำบุญสร้างกุฏิหลังเล็กขึ้นเพื่อถวายพระดังกล่าว 2-3 หลัง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก เพราะมองว่าชาวบ้านกับพระดำเนินการกันเองโดยไม่ผ่านผู้ใหญ่บ้าน จนเกิดความบาดหมางและมีการข่มขู่พระถึงขั้นต้องเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมาได้มีงานบุญกฐินสามัคคี ปี 2556 ที่ชาวบ้านร่วมกันเป็นเจ้าภาพและมีความประสงค์ทอดกฐินกับพระที่ท่านมาจำวัดที่วัดหนองตะลุมปุ๊ก ซึ่งมีรายได้จากการร่วมกันทำบุญทอดกฐินดังกล่าวเกิดขึ้นกว่า 1.2 แสนบาท ทางชาวบ้านญาติโยมและเจ้าภาพกฐินจึงมีความประสงค์เก็บเงินดังกล่าวไว้พัฒนาวัดอย่างแท้จริง และเพื่อความโปร่งใสได้ตั้งกรรมการชุดใหม่ ประกอบด้วย ฝ่ายพระสงฆ์ 1 รูป และฆราวาส 2 คน (ตัวแทนจากกรรมการชุดเดิม 1 คน และชุดใหม่ 1 คน) ขึ้นมาร่วมกันดูแลเงินที่นำไปฝากไว้ในบัญชีธนาคารที่เปิดขึ้นใหม่ในวันที่ 11 พ.ย. แทนการนำไปฝากในบัญชีธนาคารที่คณะกรรมการวัดชุดเดิมดูแลอยู่
ทั้งนี้ คณะกรรมการวัดชุดเดิมดังกล่าวเป็นของกลุ่ม นางสกุล พาขุนทด ผู้ใหญ่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก หมู่ 3 ต.หนองไม้ไผ่ ที่ผูกขาดดูแลเรื่องเงินทองของวัดแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีฝ่ายพระสงฆ์ ชาวบ้านกลุ่มอื่นเข้าไปมีส่วนร่วม และมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส สร้างความไม่ไว้วางใจให้แก่ชาวบ้านมาโดยตลอด ฉะนั้นจึงเชื่อว่ากลุ่มผู้ใหญ่บ้านที่มีนายทุนอิทธิพลหนุนหลังคงไม่พอใจในเรื่องเงินกฐินครั้งนี้ที่กลุ่มของตัวเองไม่ได้ดูแลเบ็ดเสร็จเหมือนที่ผ่านมา จึงนำเรื่องไปฟ้องเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก จนเกิดเหตุการณ์มีฏีกาขับไล่พระออกยกวัดขึ้นดังกล่าว
“เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมากได้ยกคณะรวม 6 รูปบุกมาที่วัดหนองบุญมากทันทีในช่วงเย็นวันที่ 11 พ.ย.โดยไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมประกาศต่อหน้าพระทั้งหมดและกลุ่มชาวบ้านว่าให้ญาติโยมไปตกลงกันภายใน 5 วัน ถ้ามีเรื่องใดได้ยินถึงหูอีกจะไล่ออกให้หมด แต่พอวันรุ่งขึ้น 12 พ.ย. กลับมีหนังสือจากเจ้าคณะอำเภอสั่งให้พระที่ถูกกล่าวหาออกจากวัดทันทีโดยไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง และฟังเสียงญาติโยมทั้ง 2 หมู่บ้านที่เขาศรัทธาในพระที่ถูกกล่าวหาแม้แต่น้อย” นางเยาวภากล่าว
ด้าน นางต่วน ขีดดอน อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 บ้านหนองตะลุมปุ๊ก กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่มีความผิดหรือทำผิดอะไร และที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้เนื่องจากประชาชนญาติโยมนิมนต์มา และขณะที่พระท่านอยู่ที่วัดก็ได้ร่วมกันทุ่มเทพัฒนาวัดเป็นอย่างดี พาญาติโยมปฏิบัติธรรม ทำกิจกรรมเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนาและส่วนรวม ประชาชนก็พากันเข้าวัดฟังธรรมมากขึ้น แต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านพวกเราไม่ยอมเด็ดขาด และไม่ให้พระดีๆ ถูกขับไล่ไปไหน จะร่วมกันต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมจนถึงที่สุด
ขณะนี้ นางเพรียว โกนกระโทก อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 บ้านหนองตะลุมปุ๊ก กล่าวว่า หากไล่พระสงฆ์คณะนี้ออกจากวัดหนองตะลุมปุ๊ก ก็เหมือนเป็นการขับไล่พวกเราชาวบ้านทุกคนด้วย หากไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ตนและชาวบ้านคนอื่นๆ จะไม่เข้าวัดนี้อีก เพราะเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรมและรู้สึกเสียใจที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีมากระทำต่อพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นนี้
ทางด้าน พระธงชัย ธมมโชโต อายุ 35 ปี หนึ่งในพระสงฆ์วัดหนองตะลุมปุ๊กที่ฎีกาดังกล่าวระบุให้ออกจากวัด เปิดเผยว่า ถือเป็นฎีกาหรือคำสั่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม และสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้แก่อาตมารวมถึงครูบาอาจารย์ของพระทุกรูปที่ถูกขับไล่ในครั้งนี้ เพราะไม่ได้กระทำความผิดอะไรตามที่ถูกกล่าวหา และเป็นคำสั่งมิชอบ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนการปกครองของสงฆ์ ทั้งที่วัดหนองตะลุมปุ๊กมีรักษาการเจ้าอาวาสวัดอยู่ และยังมีเจ้าคณะตำบลอีกชั้นหนึ่งด้วย แต่เจ้าคณะอำเภอกลับข้ามขั้นตอนดำเนินการโดยมิชอบเองทั้งหมด และที่สำคัญเจ้าคณะอำเภอไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่เคยมาสอบถามพระที่ถูกกล่าวหาและชาวบ้านเลย แต่ไปฟังความข้างเดียวเท่านั้น
“พระที่เข้ามาจำวัดอยู่ที่นี้ล้วนมีความตั้งใจที่จะมาพัฒนาวัด เผยแผ่พุทธศาสนาและนำชาวบ้านปฏิบัติธรรม ไม่เคยสร้างความแตกแยกให้ชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นข้อกล่าวหาทั้งหมดจึงไม่เป็นความจริง และอยากให้เจ้าคณะอำเภอได้ลงพื้นที่เพื่อมาสอบถามข้อเท็จจริงและคืนความเป็นธรรมให้ด้วย ส่วนพระทุกรูปเราจะยังคงจำวัดและพัฒนาวัดหนองตะลุมปุ๊กตามเจตนารมณ์เดิม พร้อมเรียกร้องขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนต่อไป” พระธงชัยกล่าว