xs
xsm
sm
md
lg

ครึ่งปีพฤกษากำไรพุ่ง 2,182 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์
“พฤกษา” แจ้งผลประกอบการปี 56 โต ไตรมาส 2 รายได้ 6,867 ล้านบาท กำไร 1,409 ล้านบาท รวม 6 เดือน รายได้ 15,464 ล้านบาท กำไร 2,182 ล้านบาท เผยบอร์ดอนุมัติตั้ง 2 บริษัทย่อยลุยอสังหาฯ อินโดนีเซีย

น.ส.สุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีการเงิน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ว่า ในไตรมาส 2 ประจำปี 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมเท่ากับ 9,124.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 เมื่อเทียบกับรายได้รวมในรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 6,867 ล้านบาท

สำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมเท่ากับ 15,464.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,921.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับรายได้รวมในรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 11,542 ล้านบาท

สาเหตุการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากปัจจัยหลักคือ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับ 3,901.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99.4 ของรายได้รวม รายได้หลักมาจากทาวน์เฮาส์ เพิ่มขึ้น 2,189 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.8 รายได้จากอาคารชุด เพิ่มขึ้น 844 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.3 เนื่องจากในครึ่งปีแรกนี้มีโครงการอาคารชุดสร้างเสร็จ และสามารถรับรู้รายได้ได้เพิ่มขึ้น รายได้จากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น 778 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.9 อีกทั้ง ยังมีรายได้จากส่วนงานต่างประเทศเพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท

วัสดุ-ค่าแรงแพงดันต้นทุนเพิ่ม

ส่วนต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์รอบหกเดือนของปี 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับ 10,143.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 66 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ในรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 7,488.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 65.3 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ สาเหตุการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายเนื่องจากต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่สูงขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ส่งผลให้อัตราต้นทุนขายของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหารรอบหกเดือนของปี 2556 เท่ากับ 2,475.1 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรอบบัญชีเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 615.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 33.1 โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 353.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 จากปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายซึ่งเพิ่มขึ้น 193.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.8 จากรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น 124.2 ล้านบาท และ 30.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 และร้อยละ 41.8 ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น

สาเหตุของค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนเพิ่มขึ้น 262 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น จำนวน 198 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 33.8 การเพิ่มขึ้นของค่าที่ปรึกษา จำนวน 42.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 125.9 เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินในรอบหกเดือนปี 2556 เท่ากับ 181.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.2 ของรายได้รวม ซึ่งในรอบระยะเวลาหกเดือนนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเท่ากับ 56.2 ล้านบาท จากรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 44.8

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้สำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2556 เท่ากับ 482.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.1 ของรายได้รวม ซึ่งสูงกว่าปีก่อนในรอบระยะเวลาเดียวกัน จำนวน 48.1 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2556 อยู่ที่ร้อยละ 18.1 ของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ในขณะที่อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2555 อยู่ที่ร้อยละ 21 ของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 6 เดือน กำไรพุ่ง 2,182 ล้านบาท

สำหรับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2556 เท่ากับ 1,409.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.4 ของรายได้รวม โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่ากับ 406.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 ขณะที่กำไรสุทธิรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2556 เท่ากับ 2,182.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.1 ของรายได้รวม โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่ากับ 546.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์

ตั้ง 2 บริษัทลูกลุยอสังหาฯ อินโดนีเซีย

นอกจากนี้ พฤกษาฯ ยังได้แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยของบริษัทฯ เพิ่มอีก 2 บริษัท ได้แก่ ให้บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท พฤกษาโอเวอร์ซีส์ จำกัด เข้าลงทุนในบริษัทย่อยแห่งใหม่ คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท อินโดนีเซีย จำกัด (PT Pruksa Real Estate Indonesia) ในประเทศอินโดนีเซีย ทุนจดทะเบียนประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่าเป็นเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย) วัตถุประสงค์ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ทั้งแนวราบ และแนวสูงในประเทศอินโดนีเซีย และลงทุนในบริษัทร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย

ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 70 และบริษัท พฤกษา โอเวอร์ซีส์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 30 และให้บริษัทย่อยของบริษัทฯ คือ บริษัท เกสรก่อสร้าง จำกัด เข้าลงทุนในบริษัทย่อยแห่งใหม่ คือ บริษัท ธนะเทพเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรั๊คชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท วัตถุประสงค์ รับงานก่อสร้างของบริษัทฯ โครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เกสรก่อสร้าง จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 51 และกลุ่มผู้ร่วมทุน (นายพสิษฐ์ เอี่ยมชินวุฒิ, นายสุเทพ โพธิ์ชัย และพวกรวม 8 คน) ถือหุ้นร้อยละ 49
กำลังโหลดความคิดเห็น