ศรีสะเกษ - “ณัฐวุฒิ” รองปลัด ก.ต่างประเทศ ควง “ทูตวีรชัย” บุกตรวจภูมะเขือ-เขาพระวิหาร เพื่อดูพื้นที่จริงเตรียมเจรจาเขมรหลังศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร “วีรชัย” เผยสุดปลื้มใจยันศาลโลกระบุภูมะเขือไม่อยู่ในพื้นที่พิพาทในคดีเดิมไม่เกี่ยวกัน ใครจะมาอ้างไปจากไทยไม่ได้ และเชื่อ “พลาญอินทรีย์” อยู่นอกพื้นที่พิพาทคดีเดิม แต่ปิดปากเงียบไม่พูดไทยเสียดินแดนเขาพระวิหาร
เมื่อเวลา 13.45 น. วันนี้ (23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยในการดำเนินการทางกฎหมายคดีปราสาทพระวิหาร และคณะ ได้เดินทางมาตรวจพื้นที่บริเวณภูมะเขือ และพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารในเขตแดนไทย และบริเวณผามออีแดงซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร
ทั้งนี้ เพื่อตรวจพื้นที่จริงหลังจากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกได้พิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 คอยรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ตนพร้อมด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทหารจากกองกำลังสุรนารี ได้มาตรวจพื้นที่จริง เพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งทำให้ได้ประโยชน์หลายประการ ได้เห็นด้วยตา และเข้าใจในหลายๆ ประเด็นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้นำข้อมูลที่เก็บเกี่ยวในวันนี้ไปหารือกับผู้เชี่ยวชาญของไทยที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค. ที่จะถึงนี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า หลังจากศาลโลกพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารไทยยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้กับฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากเรื่องแรกที่ต้องดำเนินการคือ ต้องศึกษาคำพิพากษาศาลโลกของฝ่ายไทยก่อน ซึ่งมีคณะกรรมการดำเนินการหลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการของเราแล้ว ซึ่งยังกำหนดกรอบเวลาไม่ได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับเนื้องาน จากนั้นจึงจะมีการนัดฝ่ายกัมพูชา สำหรับท่าทีของฝ่ายกัมพูชานั้นยังไม่รับทราบอย่างเป็นทางการ เพียงแค่รับทราบจากสื่อสารมวลชนว่า ฝ่ายกัมพูชากำลังศึกษาคำพิพากษาของศาลโลกเช่นกัน ซึ่งคงต้องใช้เวลาเหมือนกัน และหลังจากกระบวนการศึกษาคำพิพากษาของศาลโลกของทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะมีการนัดประชุมปรึกษาหารือร่วมกันทั้งไทย และกัมพูชาต่อไป
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยในการดำเนินการทางกฎหมายคดีปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า กรณีภูมะเขือนี้ในส่วน ความรู้สึกของตนซึ่งวันนี้ได้ขึ้นไปตรวจบริเวณภูมะเขือ และไปกราบสักการะพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูมะเขือ นั้นมีความปลื้มใจมาก เพราะขึ้นไปอย่างสมภาคภูมิ เนื่องจากศาลโลกบอกแล้วว่าภูมะเขือไม่ได้อยู่ในพื้นที่พิพาทในคดีเดิมไม่เกี่ยวกัน ใครจะมาอ้างไปจากเราโดยอาศัยคำพิพากษาของศาลโลก ปี 2505 ไม่ได้ ซึ่งตนมีความปลื้มใจมาก
ส่วนที่ 2 ที่ได้มาเป็นเทคนิคเบื้องต้นของการดูภูมิประเทศบริเวณภูมะเขือด้วยตาทั้งหมด ทำให้เข้าใจคำพิพากษาของศาลโลกกระจ่างยิ่งขึ้น และเห็นข้อเท็จจริงหลายอย่าง ส่วนจะมีการปรับกำลังทหารของฝ่ายกัมพูชาออกไปจากบริเวณภูมะเขือเมื่อใดนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ใช่ฝ่ายทหารที่รับผิดชอบเรื่องนี้
นายวีรชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนเสาสื่อสารที่อยู่บนภูมะเขือนั้น กำลังตรวจสอบว่าเป็นของฝ่ายใด ซึ่งขณะนี้ข้อเท็จจริงหลายๆ อย่างเป็นเรื่องที่ฝ่ายไทยเราต้องเตรียมการ การพูดอะไรมากไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศชาติ ซึ่งอะไรที่ไม่ได้พูดในตอนนี้ก็เพื่อประโยชน์ส่วนรวมทั้งสิ้น แต่วันนี้หนึ่งอย่างที่เป็นข้อเท็จจริงที่ตนเห็นในเบื้องต้นที่จะต้องแจ้งให้ประชาชนได้ทราบคือ ดูจากสายตาเบื้องต้น พลาญอินทรีย์ อยู่นอกพื้นที่พิพาทในคดีเดิม ปี 2505 นี่เป็นเรื่องสำคัญ และเมื่อได้เห็นสถานที่จริงแล้ว อยากบอกประชาชนชาวไทยทั้งประเทศว่าอย่างไรนั้น ให้ดูรอยยิ้มของตน ซึ่งนายวีรชัย ได้ใช้นิ้วชี้ที่ใบหน้าของตัวเองที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข