ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจ ปส.ร่วมกับภาค 5 บุกยึดบ้านหรู พร้อมทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มม้งสันสลี เชียงราย มูลค่าร่วม 10 ล้าน เผยมีเอี่ยวคดีขนเฮโรอีนหนักกว่า 200 กิโล ที่ กทม. ส่วนอีกคดี ตามรวบแก๊งม้ง จ.ตาก ใช้มอเตอร์ไซค์ลำเลียงยาเสพติดจากเชียงราย ไปพิษณุโลก แต่ไม่รอดโดนตามจับเกือบยกก๊วน ด้าน ผบช.ปส.ระบุคดีแรกเตรียมล่าตัวผู้ต้องหา พร้อมขายผลตรวจสอบทรัพย์สิน ส่วนคดีหลังเตรียมแจ้งด่านเฝ้าระวังมอเตอร์ไซค์เพิ่มอีกทางด้วย
วันนี้ (20 พ.ย.) พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ของเครือข่ายผู้ค้าเฮโรอีน และการจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จำนวน 6 ราย พร้อมยาบ้ากว่า 90,000 เม็ด ที่จังหวัดเชียงใหม่
การยึดทรัพย์ และจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เข้าทำการตรวจยึดทรัพย์สินของนายวีรากร หรือเงิน สกุลกิตติยานุกุล ซึ่งประกอบด้วย บ้าน 2 ชั้น พร้อมที่ดินในหมู่บ้านกาญจน์กนก 2 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดิน จำนวน 3 แปลง เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ในอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ทองรูปพรรณ เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
ภายหลังจากสืบทราบว่า นายวีรากร มีความเกี่ยวข้องในฐานะผู้ประสานงานในคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายศุภเดช หรือปลาหมึก บุญเจริญ กับพวกชาวไต้หวันอีก 3 ราย พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 668 แท่ง น้ำหนักประมาณ 233.8 กิโลกรัม ที่บริเวณลานจอดรถโรงแรมเมเปิล ถนนศรีนครินทร์ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนคดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 6 ราย ประกอบด้วย ชาวเขาเผ่าม้งจากจังหวัดตาก 3 ราย ได้แก่ นายพาสิทธิ์ ทรงนำชัย อายุ 25 ปี นายวัฒนา ฌานยะดุษณี อายุ 27 ปี และนายธนายุต แสงสีสกายเลิศ อายุ 28 ปี กับชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ อีก 3 ราย ได้แก่ นายหนึ่ง สียา อายุ 33 ปี นายธนพันธ์ กุลพรม อายุ 23 ปี และนายมานพ คงคณะ อายุ 26 ปี พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 94,000 เม็ด รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กค 5865 อุตรดิตถ์ โทรศัพท์มือถือจำนวน 9 เครื่อง และของกลางอื่นๆ
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 รายแรกได้ที่บริเวณริมถนนสายร้องกวาง-แพร่ กับถนนยนตรกิจโกศล เขตหมู่ที่ 2 ตำบลแม่หล่าย อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ก่อนจะขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 3 รายที่เหลือได้ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 24 ถนนสายเลี่ยงเมืองพิษณุโลก-วังทอง หมู่ที่ 3 ตำบลสมอแข อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า สำหรับคดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายวีรากร เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มม้งสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ร่วมกับนายสรายุทธิ์ หรืออาเต๊อะ ลีเลิสตระกูล หรือลีลาธรรมสัจจะ น้องชาย โดยทั้ง 2 ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวม นำเข้า และส่งมอบยาเสพติด รวมทั้งคอยประสานงานให้เครือข่ายลำเลียงยาเสพติดไปส่งยังพื้นที่ต่างๆ
โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมยาเสพติดของเครือข่ายดังกล่าวได้แล้วหลายครั้ง และได้ออกหมาย พร้อมกับทำการยึดทรัพย์ของนายสรายุทธิ์ มูลค่ารวมประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะสืบทราบว่า นายวีรากร มีความเกี่ยวข้องกับเฮโรอีนจำนวนมากที่จับได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงขยายผลออกหมายจับ และเข้าทำการยึดทรัพย์ดังกล่าว
ส่วนคดีที่ 2 ซึ่งผู้ต้องงหา 6 ราย ได้ลักลอบลำเลียงยาบ้า จำนวน 94,000 เม็ดนั้น พล.ต.ท.สุรพล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่าจะมีชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่จังหวัดตาก ใช้รถจักรยานยนต์เดินทางไปลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดเชียงราย ไปส่งให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก จึงติดตามตรวจสอบ และสกัดจับ จนกระทั่งสามารถจับกุม นายพาสิทธิ์ นายวัฒนา และนายธนายุต พร้อมยาบ้าของกลางได้
ส่วนนายทรงศักดิ์ แซ่ย้าง ผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งสามารถหลบหนีไปได้ จากนั้นได้ขยายผลและสามารถจับกุมนายหนึ่ง นายธนพันธ์ และนายมานพ ซึ่งมารอรับยาเสพติดตามนัดหมาย
พล.ต.ท.สุรพล ระบุว่า ในส่วนของคดีแรกนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับนายวีรากร แล้ว โดยจากการสอบสวนพบว่า นายวีรากร และนายสรายุทธิ์ ได้หลบหนีไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกลุ่มว้าในพื้นที่เมืองท่าขี้เหล็ก ขณะเดียวกัน ก็เตรียมที่จะตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินอื่นๆ ของนายวีรากร ที่ได้จากการค้ายาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีกหรือไม่
สำหรับคดีที่ 2 ถือเป็นรูปแบบใหม่ของการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ผู้ต้องหาหันมาใช้รถจักรยานยนต์ในการลำเลียง เนื่องจากสามารถอำพรางว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยว และยังสามารถหลบเลี่ยงเส้นทางที่เข้าสู่ด่านตรวจของเข้าหน้าที่ได้โดยง่าย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแจ้งไปยังด่านตรวจต่างๆ ให้เพิ่มความระมัดระวังในส่วนนี้มากยิ่งขึ้นต่อไป