ศรีสะเกษ - ชาวบ้านภูมิซรอลผวา ไม่ยอมให้ลูกหลานมาโรงเรียนที่เปิดวันแรก หลังถูกสั่งปิดมานาน 4 วัน เพราะยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ส่วนจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ เปิดตามปกติ โดยมีประชาชนชาวกัมพูชาพากันเข้ามาหาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร.ร.บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกในการเปิดทำการเรียนการสอน หลังจากที่ทางโรงเรียนได้สั่งปิดโรงเรียนมานาน 4 วันแล้ว เนื่องจากว่าอยู่ในห้วงที่จะมีการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร และปิดเพื่อให้นักเรียนไปช่วยพ่อแม่เกี่ยวข้าวในนา
ปรากฏว่ามีนักเรียนมาเรียนหนังสือค่อนข้างบางตามาก โดยโรงเรียนแห่งนี้จะมีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 370 คน แต่มาเรียนหนังสือวันแรกนี้เพียง 70 คนเท่านั้น ขณะที่โรงเรียนต่างๆ ที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชากว่า 15 โรงที่สั่งปิดก็มีนักเรียนมาเรียนวันแรกน้อยมากเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ภายในหมู่บ้านภูมิซรอล ชาวบ้านก็ยังคงประกอบอาชีพกันตามปกติ และมีการจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับกรณีคำพิพากษาของศาลโลก ซึ่งชาวบ้านส่วนมากยังคงมีสีหน้าที่ยังวิตกกังวลกลัวว่าอาจจะมีเหตุการณ์สู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเกิดขึ้นมาอีกเหมือนช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่ได้สิ่งที่ต้องการตามที่ได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกไปนั่นเอง
นางศศิวรรณ พงษ์ชะอุ่มดี ครู ร.ร.บ้านภูมิซรอล กล่าวว่า การที่นักเรียนมาเรียนวันแรกน้อยมากนี้ จากการที่ตนได้สอบถามเรื่องนี้จากบรรดาผู้ปกครองนักเรียนหลายคนแล้วทราบว่า บรรดาผู้ปกครองยังไม่ไว้วางใจต่อสถานการณ์บริเวณเขาพระวิหาร เนื่องจากเกรงว่าฝ่ายกัมพูชาอาจจะไม่พอใจที่ฟ้องศาลโลกไปแล้วไม่ได้ตามที่ต้องการ อาจจะทำให้เกิดสงครามขึ้นมาอีกเหมือนช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา
ดังนั้น จึงยังไม่ยอมให้ลูกหลานของตนมาเรียนหนังสือในช่วงนี้ ซึ่งคาดว่าวันต่อไปนักเรียนคงจะมาเรียนเป็นปกติ โดยขณะนี้โรงเรียนกำลังเตรียมการที่จะจัดพิธีต้อนรับผู้บริหารโรงเรียนคนใหม่ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนผู้บริหารคนเก่าที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว
นายภูมินทร์ ภูจิตทอง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 ม.9 บ้านโนนสว่าง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คนและได้ให้ลูกมาเรียนหนังสือที่ ร.ร.บ้านภูมิซรอลทั้ง 3 คน ซึ่งตนไม่กลัวว่าจะเกิดสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชาขึ้นมาอีก เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชามีการพบปะพูดคุยกันเป็นประจำอยู่เสมอ จึงเชื่อได้ว่าไม่น่าที่จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร
อย่างไรก็ตาม ตนยังคงต้องรอฟังข่าวความเคลื่อนไหวตลอดเวลาว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาบ้างในบริเวณนี้ และหากว่ามีการสู้รบกันตนและครอบครัวก็พร้อมที่จะอพยพหนีภัยสงครามได้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกันที่บริเวณศาลากลางบ้านภูมิซรอล ม.2 ได้มีเจ้าหน้าที่จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขากันทรลักษ์ (ธ.ก.ส.) มาพบปะกับชาวบ้านเพื่อเยี่ยมปลอบขวัญชาวบ้านภูมิซรอล พร้อมทั้งได้นำเอาถุงยังชีพจำนวนหนึ่งมาแจกจ่ายชาวบ้านเป็นการช่วยเหลือปลอบขวัญเบื้องต้นด้วย
ส่วนที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ก็ยังคงเปิดตามปกติ และบรรดาประชาชนชาวกัมพูชาก็พากันเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตตลาดไทยกันจำนวนมาก รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศผ่านเข้า-ออกกันอย่างคึกคักมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวกัมพูชาเชื่อมั่นว่า หลังคำพิพากษาของศาลโลกแล้วจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านช่องสะงำนั่นเอง