xs
xsm
sm
md
lg

“ผอ.สพป.บุรีรัมย์เขต 2” ปลอบขวัญครู ร.ร.ชายแดน 47 แห่ง ปิดหนีภัยสู้รบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมศักดิ์ ชอบทำดี  ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 รุดเยี่ยมให้กำลังใจครู ร.ร.บ้านโคกกะชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 1 ใน 47 โรงเรียนชายแดน 47 แห่ง ที่ปิดหนีภัยสู้รบ 2 วัน ช่วงศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร วันนี้ ( 11 พ.ย.)
บุรีรัมย์ - ผอ.สพป.บุรีรัมย์เขต 2 รุดเยี่ยมให้กำลังใจครูโรงเรียนชายแดน 47 แห่งที่ยังเฝ้าดูแลความเรียบร้อยในโรงเรียน หลังสั่งปิดหนีภัยสู้รบ 2 วันช่วงศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร พร้อมร่วมประชุมหารือฝ่ายความมั่นคง ผู้บริหารสถานศึกษา และ อบต.เกาะติดสถานการณ์ต่อเนื่อง เผยหลุมหลบภัยโรงเรียนหลายแห่งไม่ได้มาตรฐาน และไม่เพียงพอ

วันนี้ (11 พ.ย.) นายสมศักดิ์ ชอบทำดี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 (ผอ.สพป.บุรีรัมย์เขต 2) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจคณะครู และเจ้าหน้าที่ โรงเรียนบ้านโคกกะชาย หมู่ 13 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ซึ่งเป็น 1 ใน 47 โรงเรียนที่ทางเขตพื้นที่การศึกษาฯ ได้สั่งปิดทำการเรียนการสอนเป็นกรณีพิเศษ 2 วัน คือวันที่ 11-12 พ.ย. ช่วงที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกนัดอ่านคำพิพากษาตัดสินคดีพื้นที่พิพาทปราสาทพระวิหาร

ทั้งนี้ เพราะถึงแม้ทางเขตพื้นที่การศึกษาฯ จะสั่งปิดทำการเรียนการสอนให้เด็กอยู่กับครอบครัวเพื่อความปลอดภัยหากเกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น แต่ครู และผู้บริหารโรงเรียนยังต้องมาประจำอยู่ที่โรงเรียนเพื่อคอยดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเรียน และจัดเวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่ครูหลายคนยอมรับว่ารู้สึกหวาดกลัวและกังวลกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมาเคยมีบทเรียนจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา มีลูกกระสุนจรวด BM-21 ตกใส่หมู่บ้าน และโรงเรียนกว่า 40 ลูก จนต้องมีการอพยพหนีตายมาแล้ว จึงภาวนาไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังได้ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ผู้บริหารโรงเรียน และนายก อบต.สายตะกู ซึ่งอยู่ในพื้นที่ เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ชายแดนอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

นายสมศักดิ์ ชอบทำดี ผอ.สพป.บุรีรัมย์เขต 2 ระบุว่า การสั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดนทั้ง 47 แห่งดังกล่าวไม่ใช่เพราะความตื่นตระหนก แต่เพื่อต้องการให้เด็กได้อยู่กับผู้ปกครอง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นจะได้ทำการอพยพได้ทันทีเพราะไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากให้ผลการตัดสินออกมาเป็นกลาง โดยให้ทั้งสองประเทศดูแลปราสาทพระวิหารร่วมกันเพราะไม่อยากให้เกิดการสู้รบซึ่งจะเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย

สำหรับหลุมหลบภัยที่มีอยู่ในโรงเรียนตามแนวชายแดน ยอมรับว่าส่วนใหญ่มีสภาพชำรุด ไม่ได้มาตรฐาน และยังไม่เพียงพอต่อจำนวนครู นักเรียน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะได้ทำเรื่องเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดหางบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมหรือก่อสร้างใหม่ที่ได้มาตรฐาน และเพียงพอใช้หลบภัยหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินตามแนวชายแดนขึ้น





กำลังโหลดความคิดเห็น