xs
xsm
sm
md
lg

ชาวชุมชนวัดไทรย์ รวมตัวจับพระลูกวัดมั่วสีกาสาวคากุฏิกลางดึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ชาวชุมชนวัดไทรย์ ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี สุดทน รวมตัวจับพระลูกวัดหลังพบมั่วสีกาสาวคากุฏิกลางดึก เจ้าหน้าที่เข้าตรวจพบเบียร์แช่เย็นอีก 2 ขวด ด้านเจ้าอาวาสวัดไทรย์ บอกจากหลักฐานที่พบไม่จำเป็นที่จะต้องทำพิธีลาสิกขา เพราะถือว่าขาดจากการเป็นพระเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (7 พ.ย.) พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.สุพรรณบุรี ว่า มีชาวบ้านจากชุมชนวัดไทรย์ ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เป็นจำนวนมากเดินทางไปรวมตัวกันภายในวัดไทรย์ เพื่อปิดล้อมจับ และขับไล่พระลูกวัดที่กำลังมั่วสีกาอยู่ภายในกุฏิ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธรณ์ธันย์ พิทักษ์วงศ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ร.ต.อ.ณัฐวุฒิ ราศรี รอง สวป.สภ.เมืองสุพรรณบุรี

ไปถึงพบชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเณรแก้ว รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหน้าประตูกุฏิพระลูกวัด มีพระวรเทพ ปิยเทโว อายุ 60 ปี และสีกาสาว 1 คนอยู่ภายใน ทั้ง 2 ปิดประตูเก็บตัวเงียบอยู่ภายใน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจึงได้ขอความร่วมมือจากชาวบ้านทั้งหมดให้อยู่ในความสงบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปนิมนต์พระปลัดไพศาล พลวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดไทรย์ มาที่กุฏิดังกล่าว แล้วเคาะประตูเรียกให้พระลูกวัด และสีกาสาวที่อยู่ภายในเปิดประตู เพื่อตรวจสอบความจริง ซึ่งไม่นานนัก พระวรเทพ ปิยเทโว หรือนายวรเทพ รัมสาร อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 6 ต.แก้วฟ้า อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ได้เปิดประตูออกมา พบว่าอยู่กับสีกาสาวตามลำพัง 2 คนจริง ทราบชื่อคือ น.ส.อรทัย ดำคำพา อายุ 31 ปี เมื่อชาวบ้านเห็นจึงได้กรูกันเข้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สั่งห้ามเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งชาวบ้านทุกคนก็เชื่อยอมทำตาม

จากการตรวจสอบภายในกุฏิ พบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหาร และชามข้าววางอยู่บนเตียง นอกจากนี้ ยังพบเบียร์แช่อยู่ในตู้เย็นอีก 2 ขวด

พระปลัดไพศาล พลวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดไทรย์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จากหลักฐานที่พบทั้งหมด รวมทั้งพฤติกรรมของพระวรเทพ และสีกา ที่อยู่กันตามลำพัง 2 คนในกุฏิ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นที่จะต้องทำพิธีลาสิกขา เพราะถือว่าขาดจากการเป็นพระเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ หลังจากที่พระวรเทพ ได้ยินเจ้าอาวาสพูด กลับไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆ ให้เห็น ซ้ำยังมีสีหน้าที่เรียบเฉย และยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร เพียงแค่ตนถอดผ้าเหลืองออก แล้วสวมใส่เสื้อผ้าก็จบ และภายหลังจากที่พระวรเทพ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปทำประวัติไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี

ส่วน น.ส.อรทัย ดำคำพา กล่าวว่า เดิมทีตนมีอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต่อมามีปัญหาเรื่องส่วนตัวจึงได้ลาออกจากงาน และได้มาเปิดร้ายขายกล้วยทอดที่หน้าวัดไทรย์ จนกระทั่งรู้จักกับพระวรเทพ โดยพระวรเทพ ได้ให้เงินใช้อยู่เป็นประจำ ในที่สุดก็มีความสนิทสนมกันมากขึ้น และในที่สุดก็พัฒนาความสัมพันธ์จนได้เสียกันภายในกุฏิ อีกทั้งยังมีเงินใช้จ่ายอย่างสบาย จึงคิดว่าคบกับพระมีเงินใช้สบายๆ ดีกว่าไปคบกับคนธรรมดา และหากพระวรเทพ ต้องการมีเพศสัมพันธ์ตนก็จะขับขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่กุฏิในช่วงดึกทุกครั้ง จนกระทั่งชาวบ้านจับได้ดังกล่าว

ชาวบ้านรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ชาวชุมชนวัดไทรย์ ได้เฝ้าดูพฤติกรรมของพระวรเทพ กับสีกาสาวคนดังกล่าวมานานแล้ว บางวันพระวรเทพ กับสีกา ได้ไปนั่งรับประทานอาหารตามร้านอาหารที่อยู่ใกล้วัดท่าทางสนิทสนมกันเหมือนสามีภรรยา ชาวชุมชนวัดไทรย์ทุกคน จึงจับตาเฝ้ามองพฤติกรรมของทั้ง 2 อยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเราทุกคนต่างก็ไม่สบายใจ ที่พระกับสีกามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้วัดเสียหาย และชาวชุมชนวัดไทรย์จะเสียชื่อเสียงไปด้วย และในที่สุด ชาวบ้านก็สามารถช่วยกันเฝ้าดูจนจับได้คาหนังคาเขา และยอมสึกออกไปใช้ชีวิตตามประสาผัวเมียในที่สุด และจากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเอือมระอากับการกระทำของทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก

พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่นำนายวรเทพ มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ซึ่งนายวรเทพ และ น.ส.อรทัย ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม และบอกว่าจะไปใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา ส่วนการดำเนินคดีนั้นไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นเพียงการทำผิดวินัยของสงฆ์เท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น