กองปราบฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบบัญชี “หลวงปู่สุภา” ถูกยักย้ายไปกว่า 22 ล้านบาท หากพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกนำไปเข้าบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น หรือใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ก็จะต้องตรวจสอบและดำเนินคดีเนื่องจากเป็นเงินของสงฆ์
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.5 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่พระปลัดวิชาญ ปวโร เจ้าอาวาสวัดสระแก้วศรีสรรเพชญ ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี อดีตเลขานุการของพระมงคลวิสุทธิ์ หรือหลวงปู่สุภา กันตะสีโล อายุ 119 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสีลสุภาราม ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเพิ่งมรณภาพลงเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความเพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเงินในบัญชีธนาคารจำนวนกว่า 22 ล้านบาท และทรัพย์สินต่างๆ ของหลวงปู่สุภา ถูกเบียดบังไปโดยมิชอบว่า ก่อนหน้านี้พระปลัดวิชาญ ได้นำหนังสือรับมอบอำนาจซึ่งมีการพิมพ์ลายนิ้วมือของหลวงปู่สุภา มาเข้าแจ้งความไว้ที่ กก.5 บก.ป.ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
พ.ต.อ.เอนกกล่าวต่อว่า ทางพระปลัดวิชาญระบุว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาภายหลังหลวงปู่สุภามีอาการอาพาธ จึงได้ย้ายจากวัดวัดสีลสุภารามไปจำวัดอยู่ที่วัดคอนสวรรค์ ต.ค้อเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ต่อมาทางเจ้าอาวาสวัดสีลสุภารามรูปใหม่ พร้อมกับกรรมการวัดได้เข้ามาจัดการกับทรัพย์สินต่างๆ ของวัด รวมทั้งในส่วนของหลวงปู่สุภา ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่าทรัพย์สินต่างๆ ประกอบด้วย เงินสดในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาภูเก็ต 2 เล่ม มียอดเงินกว่า 22 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด พระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ อีกจำนวนหนึ่งได้ถูกเบียดบังไป
พ.ต.อ.เอนกกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.เข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้นว่า เงินในบัญชีธนาคารดังกล่าวที่ถูกเบิกถอนไปแล้วนั้นถูกนำไปใช้ในส่วนใด หากมีการใช้เพื่อสร้างถาวรวัตถุภายในวัด หรือใช้ประโยชน์ในวัตถุประสงค์ต่างๆ ซึ่งไม่ขัดต่อความต้องการของหลวงปู่สุภาก็คงไม่เป็นปัญหาใดๆ แต่หากพบว่าเงินจำนวนนี้ถูกนำไปเข้าบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น หรือใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค ก็จะต้องตรวจสอบและดำเนินคดีเนื่องจากเป็นเงินของสงฆ์ ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ก็จะต้องตรวจสอบต่อไปด้วยว่ามีอะไรบ้าง และถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่ใครบ้าง ก่อนพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
