นครศรีธรรมราช - ตำรวจล่าข้ามจังหวัด รวบตัวพระตระเวนใช้อุบายลวงกรรมการวัดในชนบทถอนเงินยักยอกพาหนีหาย ก่อนออกลายทำตัวเป็นที่น่าเลื่อมใสจนพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อ พบเอกสารใบสุทธิมีพิรุธส่อปลอม เร่งสอบขยายผล แนะวัดที่เคยเจอพฤติกรรมติดต่อขอข้อมูลได้ที่ สภ.หัวไทร
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (15 มี.ค) พ.ต.ท.เจียร ชูหนู หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้คุมตัว พระปลัดอติชาต อาภากโร หรือนายอติชาต นวลไหม อายุ 48 ปี อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดทะเลปัง ต.หัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช มาทำการสอบปากคำ หลังจากที่วานนี้ (14 มี.ค.) ชุดสืบสวนของ สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้นำหมายจับของศาลจังหวัดปากพนังเลขที่ จ.35/2556 ลงวันที่ 13 มี.ค.56 ในคดียักยอกทรัพย์เป็นเงินสดของวัดทะเลปัง ไปเป็นเงินจำนวน 3.4 แสนบาท เข้าจับกุมตัวขณะที่พำนักอยู่ในวัดโคกกฐิน ม.2 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ก่อนคุมตัวมาทำการสึกจากความเป็นพระ และนำมาสอบสวนดำเนินคดี
โดยคดียักยอกทรัพย์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.55 หลังจากที่นายประเวช ปลอดเดช อายุ 79 ปี และนายกมล คงอินทร์ อายุ 82 ปี ชาว ม.1 ต.หัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะกรรมการผู้รับมอบอำนาจของวัดทะเลปัง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กล่าวหาพระปลัดอติชาต อาภากโร ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดทะเลปัง ว่า ได้ยักยอกเงินสดของวัด จำนวน 3.4 แสนบาท แล้วหลบหนีออกไปจากวัดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นายประเวช ปลอดเดช อายุ 79 ปี และนายกมล คงอินทร์ อายุ 82 ปี ระบุต่อพนักงานสอบสวนว่า วัดเตรียมที่จะบูรณะอุโบสถ และศาลาในวัด พระปลัดอติชาติ ได้ให้กรรมการวัดไปเบิกถอนเงินออกมาจากธนาคารออมสิน สาขาหัวไทร เป็นเงิน 4.4 แสนบาท จากนั้นได้นำมาเก็บไว้ที่พระปลัดอติชาต จำนวน 3.4 แสนบาท และเก็บไว้ที่กรรมการ 1 แสนบาท แต่เมื่อมาอยู่ที่พระอติชาต ปรากฏว่า พระอติชาตได้หายตัวไปพร้อมกับเงินสดจำนวนดังกล่าวอย่างไรร่องรอย ต่อมา จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์
ขณะที่ พ.ต.ท.เจียร ชูหนู หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร ระบุว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่รับแจ้งความแล้วได้สืบสวนจนทราบว่า พระปลัดอติชาต ได้หลบหนีไปอยู่ที่วัดโคกกฐิน ใน จ.ตรัง เจ้าหน้าที่จึงยื่นขอหมายจับกุม และติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้ โดยขณะที่จับกุมนั้น พระปลัดอติชาตยอมให้จับแต่โดยดี และรู้ว่าถูกจับในกรณีใดโดยที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และจากการพูดคุยเบื้องต้นนั้นยอมรับสารภาพว่า ได้ยักยอกเงินของวัดไปจริง และมีพฤติกรรมหยิบยืมเงินจากรอบบริเวณวัดเช่นนี้มาหลายวัด โดยทราบว่า บางวัดที่เคยไปอยู่อาศัยนั้นเคยมีความเสียหายในลักษณะนี้ ขอให้ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ สภ.หัวไทร
ส่วนอดีตพระอติชาต อาภากโร หรือนายอติชาต ยอมรับสารภาพว่า ได้ยักยอกเงินจำนวนนี้ของวัดไปจริง แต่ได้นำไปเพียง 2.2 แสนบาทเท่านั้น ส่วนอีก 1.2 แสนบาทนั้นได้หายขณะอยู่ที่วัดไปแล้ว ส่วนเงินที่นำไปนั้นได้ใช้จ่ายจนหมด แต่ไม่ขอบอกว่านำไปใช้อะไรบ้าง และขอสารภาพพร้อมทั้งขอรับโทษทุกประการ
นายพิชิต ดีลิ่น ซึ่งเป็นกรรมการวัดอยู่ในขณะนั้นระบุว่า ชาวบ้านมีความไว้เนื้อเชื่อใจเพราะนายอติชาต หรืออดีตพระปลัดอติชาต เนื่องจากทำตัวเป็นพระที่น่าเลื่อมใส พูดจาดี และเทศนาเก่ง จึงได้เบิกเงินที่เตรียมมาเพื่อทำการซ่อมแซมอุโบสถฝากไว้ ไม่คิดว่าจะกล้าทำกับชาวบ้านได้ถึงขนาดนี้ และตอนที่อยู่ที่วัดโคกกฐิน จ.ตรัง พบว่า ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ด้วยแต่ชาวบ้านที่นั่นไม่รู้ โดยตั้งตนเองเป็นเจ้าอาวาสด้วย จนตำรวจไปจับกุมตัวได้ดังกล่าว
“เอกสารประจำตัวของพระนั้นมีความผิดปกติอย่างมาก บ้างก็ระบุว่าบวชปี 2551 บ้างก็ปี 2552 และการได้ตำแหน่งพระปลัดนั้น มันมีความผิดปกติตามหนังสือบอกว่าบวชที่ จ.เชียงราย แต่กลับมาได้ตำแหน่งพระปลัดที่ จ.พิจิตร และทราบว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้มาหลายวัดแล้ว และขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารประจำตัวด้วย ก่อนหน้านี้ มีความพยายามที่จะไปขอเป็นเจ้าอาวาสวัดทะเลปัง โดยให้เจ้าคณะอำเภอแต่งตั้ง แต่เมื่อเจ้าคณะอำเภอเห็นความผิดปกติจึงสอบถามที่มาของเอกสาร จนนายอติชาต หรือพระปลัดอติชาต บอกว่า ถ้าเช่นนั้นขอให้เจ้าคณะอำเภอสึกให้เขาก่อนแล้วบวชใหม่ให้เจ้าคณะอำเภอออกเอกสารให้ใหม่ แต่เจ้าคณะไม่ดำเนินการให้ จนกระทั่งมายักยอกเงินของวัดไป และเจ้าหน้าที่มาตามตัวได้ในที่สุด” ชาวบ้านรายนี้ระบุ