ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - บิ๊กตำรวจอดีตรอง ผบช.ภ.3 และประธานวัดบ้านไร่โคราช ถูกลูกน้องสองผัวเมียแสบยักยอกเงินรายได้รีสอร์ตใหญ่วังน้ำเขียวกว่า 3 ล้านหนีลอยนวล สุดแค้นใจ รักเลี้ยงดูเหมือนลูกมา 4 ปี แต่กลับมาถูกหักหลัง โร่แจ้ง ตร.ตามล่าตัวไม่ปล่อยเป็นภัยสังคม พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ สภ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด และเจ้าของรีสอร์ตกระท่อมหินนันทภัค อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี หลังจากเมื่อวัน 7 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียว ให้ดำเนินคดีต่อนางปัญญาวีร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร อายุ 33 ปี ชาว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พนักงานบัญชีรีสอร์ตกระท่อมหินนันทภัค และนายภักดิ์ภูมิ หิรัญเกิด อายุ 29 ปี สามีชาว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา หัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยง ซึ่งทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารนายจ้าง
ทั้งนี้ เนื่องจากได้ทำการปลอมแปลงเอกสารการเงินของธนาคาร และยักยอกเงินรายได้ค่าบริการห้องพักรีสอร์ตรวมจำนวน 41 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เป็นจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท
พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2552 ผู้ต้องหาสองสามีภรรยาดังกล่าวได้เข้ามาสมัครของานทำที่รีสอร์ตกระท่อมหินนันทภัค ตนเกิดความสงสารจึงรับเข้าทำงานเป็นพนักงานทั่วไป และทั้ง 2 คนช่วยงานมาเป็นอย่างดีจนตนไว้วางใจจึงปรับตำแหน่งให้ นางปัญญาวีย์ขึ้นเป็นพนักงานบัญชีดูแลด้านการเงินของรีสอร์ตทั้งหมด
ส่วนนายภักดิ์ภูมิ สามีให้เป็นหัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงและต้อนรับลูกค้า ซึ่งตนรักเลี้ยงดูเหมือนลูกให้ที่พักและอาหารฟรีทั้ง 3 มื้อ ทั้งสองคนต่างเรียกตนว่าพ่อ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมานางปัญญาวีร์มีหน้าที่นำเงินรายได้ของรีสอร์ตทั้งจากค่าบริการห้องพัก ค่าจัดเลี้ยง และอื่นๆ ไปฝากเข้าบัญชีกระแสรายวันของธนาคารกสิกรไทย สาขาวังน้ำเขียว และนำสเตทเมนต์พร้อมใบนำฝากกลับมาเป็นหลักฐานเป็นประจำ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ตนเดินทางไปซื้อสมุดเช็คเล่มใหม่กับทางธนาคาร และขอเช็คยอดเงินในบัญชี กลับพบว่าเงินในบัญชีของรีสอร์ตเหลือเพียง 2 แสนกว่าบาทเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วในบัญชีต้องมียอดเงินกว่า 3 ล้านบาท ตนจึงโทรศัพท์แจ้งให้สองสามีภรรยานำเอกสารการเงินทั้งหมดเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อตรวจสอบ แต่เมื่อความจริงเปิดเผยทั้งสองจึงหลบหนีไป
จากการตรวจสอบกับทางธนาคารโดยละเอียดพบว่า บัญชีของรีสอร์ตถูกยักยอกเงินไปตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 รวมจำนวน 41 ครั้ง แบ่งเป็นเงินสดที่ลูกค้าจ่ายให้และให้นำฝากเข้าธนาคาร 37 รายการ และลูกค้าจ่ายเป็นเช็คเข้าบัญชีอีก 4 รายการ รวมยอดเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งนางปัญญาวีร์ไม่ได้นำเงินเข้าธนาคารจริง แต่กลับปลอมแปลง สเตทเมนต์ของธนาคาร โดยตกแต่งตัวเลขใหม่และนำใบนำฝากเงินปลอมมาให้กับทางรีสอร์ต แทน
“ผมรู้สึกเสียใจมาก คนที่เรารักและไว้ใจเหมือนลูกมาทำกับเราได้ขนาดนี้ และคนแบบนี้ไม่ควรปล่อยให้ไปหลอกลวงคนอื่นและเป็นภัยสังคม เมื่อทำผิดต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งผมได้ตั้งรางวัลนำจับทั้งสองคนเป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท หากใครแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมได้ รับเงินจากผมไปได้เลย แม้ว่าจะไม่ได้ทรัพย์สินคืนมาก็ตาม แต่ขอให้ได้ตัวผู้ต้องหามา” พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.วังน้ำเขียว กล่าวว่า หลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคนแล้ว ขณะนี้ชุดสืบสวน สภ.วังน้ำเขียว และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้กระจายกำลังลงพื้นที่ออกติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนอยู่
“เชื่อว่ายังคงกบดานหลบหนีอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน และคาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ ซึ่งผู้เสียหายได้ตั้งรางวัลนำจับช่วยอีกทางหนึ่งเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท หากใครทราบเบาะแสสามารถโทรศัพท์แจ้งมายัง สภ.วังน้ำเขียวได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง”
สำหรับ พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ เป็นอดีตนายตำรวจมือปราบ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2550 ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ถือเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่, เป็นที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา และเป็นเจ้าของรีสอร์ตกระท่อมหินนันทภัค อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา