ตำรวจร่มเกล้าแถลงข่าวผลงานติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้างเก่า 10 ราย หวังสะสางคดีเก่าร้อยกว่าคดีที่ผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมให้สิ้นซาก
วันนี้ (8 ก.พ.) เวลา 11.30 น. ที่ สน.ร่มเกล้า พ.ต.อ.ศราวุธ จิตต์ระเบียบ รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.สน.ร่มเกล้า พ.ต.ท.นคร ทองพานิช รอง ผกก.สส.สน.ร่มเกล้า พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาตามโครงการฝึกอบรม “พัฒนาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ร่มเกล้า ในสายงานต่างๆ ที่ยังไม่เคยติดตามจับกุมคนร้ายให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลหมายจับและสามารถสืบสวนจับกุมคนร้ายได้
พ.ต.อ.ศราวุธเปิดเผยว่า หลังจากได้ทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน.ร่มเกล้าไปแล้วก็ได้แจกจ่ายหมายจับคดีค้างเก่าของโรงพักให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าฝึกอบรมไปทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาจนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายตามหมายจับเอาไว้ได้ทั้งหมด 10 ราย มีคดีที่น่าสนใจ เช่น นายคมกริช หรือนิว กุศลการณ์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 859/2555 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ที่ก่อคดีลักสร้อยคอทองคำหนัก 1.5 บาท ของเพื่อนแม่ตัวเองไปขาย, นายอาราม อินทร์เพชร อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 652/2555 ในข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งเจ้าตัวเป็นอดีตเซลส์ของบริษัทแห่งหนึ่งที่ยักยอกเงินของบริษัทไป 30,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีนายบุญถิ่น ใจเที่ยง อายุ 55 ปี, นายวิเชียร สุโพธิ์คำ อายุ 39 ปี และนายสมพงษ์ โพธาราม อายุ 58 ปี ซึ่งทั้ง 3 คนได้พยายามเข้าไปก่อเหตุลักเศษเหล็กในบริษัท ริคไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง ที่ตัวเองทำงานอยู่ออกไปขายหาเงินใช้
ด้าน พ.ต.อ.พันธนะกล่าวว่า นอกจากผู้ต้องหาทั้ง 10 รายที่สามารถจับกุมได้แล้ว เจ้าหน้าที่ยังติดตามไปอายัดตัวผู้ต้องหาได้อีก 3 ราย ประกอบด้วย นายอภิชัย เขตเขว้า ผู้ต้องหาคดีพยากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ จ.นครราชสีมา, นายศุภประชา ยะรังวงษ์ ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกาย และนายอภิชาติ สิงห์รอด ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งทั้งคู่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำวัยหนุ่ม จ.ปทุมธานี
“ทาง สน.ร่มเกล้า มีหมายจับค้างเก่าอยู่ทั้งหมดจำนวน 198 หมายจับ ในจำนวนนี้มีชื่อ-นามสกุลถูกต้องที่สามารถจะติดตามจับกุมตัวได้ 125 หมาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ร่มเกล้า จะดำเนินโครงการนี้ต่อไปเพื่อลดจำนวนหมายจับค้างเก่าลง” พ.ต.อ.พันธนะกล่าว
