ฉะเชิงเทรา - แก๊งรถแต่งซิ่งอาละวาดเมืองแปดริ้ว ใช้ถนนหลวงสาย 304 เป็นสนามประลองความเร็วกันบ่อยครั้ง ช่วงเวลากลางคืนระหว่างเวลาประมาณ 22.00-01.00 น. สร้างความเดือดร้อน และเสียหายต่อชาวบ้านอย่างมาก เผยที่ผ่านมา ชาวบ้านเคยร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่แล้วหลายครั้ง แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นเหมือนเดิม
วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากชาวบ้านในเขตย่าน ต.คลองนครเนื่องเขต และ ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่า ขณะนี้บนถนนทางหลวงสาย 304 (สุวินทวงศ์) ช่วงตอนระหว่าง ต.คลองนครเนื่องเขต (หน้าวัดเซนต์ร็อค) ไปจนถึงทางสามแยก ต.วังตะเคียน ด้านฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าสู่ตัวเมืองฉะเชิงเทรา ได้กลายสภาพเป็นสนามแข่งขันรถยนต์กระบะดัดแปลง และรถจักยานยนต์แต่งซิ่งยามค่ำคืนไปแล้ว หลังถูกกลุ่มนักแข่งเถื่อนดังกล่าวได้เข้ามายึดพื้นผิวการจราจรเพื่อทำการแข่งขัน
รูปแบบการแข่งขัน โดยจะใช้รถยนต์กระบะเปิดสัญญาณไฟวับวาบคล้ายสัญญาณไฟฉุกเฉินของกลุ่มอาสาสมัครมูลนิธิหน่วยกู้ภัยฯ หรือตำรวจอาสาปิดถนน เพื่อใช้เป็นสนามแข่งขันในการประลองความเร็ว ช่วงเวลากลางคืนระหว่างเวลาประมาณ 22.00-01.00 น. ในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงค่ำคืนของวันศุกร์ และเสาร์ จะยิ่งมีจำนวนแก๊งนักซิ่งพากันเข้ามารวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่
ที่ผ่านมา ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้เส้นทาง โดยไม่สามารถผ่านไปได้โดยสะดวกในช่วงเวลาดังกล่าว และได้เคยโทรศัพท์เข้าไปร้องเรียนยังหมายเลข 191 ภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา และ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีการเข้ามาทำการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง หรือมีการกวดขันจับกุมกลุ่มนักเลงรถกระบะแต่งซิ่งเหล่านี้แต่อย่างใด โดยยังคงมีให้เห็นได้อยู่เกือบตลอดทุกคืน
สำหรับถนนที่ใช้ในการแข่งขันนั้น จะมี 3 สาย คือ ถนนฉะเชิงเทรา-บางปะกง ช่วงตอนระหว่างสถานีขนส่งใหม่ มุ่งหน้าไปจนถึงทางสามแยกโรงเรียนเทศบาล 2 (ทางเข้าวัดโสธร) และถนนมหาจักพรรดิ์ ช่องทางมุ่งหน้าออกจากตัวเมืองไปยังสถานีขนส่งใหม่ ซึ่งทั้ง 2 เส้นทางนี้ จะถูกใช้เป็นสนามซ้อม หรือทดสอบความเร็วของรถในการเตรียมการไปประลองความเร็ว โดยจะขับแข่งขันแบบตีคู่ประกบกันไป ในช่วงบนถนนมีรถน้อยเวลากลางคืน
ส่วนถนนสายสุวินทวงศ์ นั้น มักจะถูกใช้เป็นสนามแข่งขันจริง ด้วยการใช้รถยนต์กระบะเปิดสัญญาณไฟวับวาบปิดถนนเพื่อทำการแข่งขัน ซึ่งนอกจากชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อนจากการที่ไม่สามารถสัญจรผ่านเส้นทางได้โดยสะดวกในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ยังได้ก่อให้เกิดปัญหาประสบอุบัติเหตุขึ้นกับผู้ที่กำลังใช้เส้นทางอยู่บ่อยครั้ง ในลักษณะที่รถของชาวบ้านที่กำลังจะใช้เส้นทางสัญจรผ่านถูกปาดหน้า หรือขับซิ่งด้วยความเร็วสูงพุ่งผ่านเฉียดด้านข้างรถไป จนทำให้คนขับเกิดความตกใจ และรถเสียหลักตกลงไปยังข้างทาง จนรถยนต์ และรถจักยานยนต์ได้รับความเสียหาย ซึ่งไม่สามารถที่จะไปเรียกร้องค่าเสียหายจากฝ่ายใดได้ เนื่องจากไม่มีคู่กรณีอยู่ในที่เกิดเหตุ และส่วนใหญ่นั้นเจ้าหน้าที่มักจะชี้เหตุไปในทำนองที่ว่า ผู้ขับขี่ประสบอุบัติเหตุด้วยตนเองโดยไม่มีคู่กรณี
ล่าสุด มีรถแต่งซิ่งเฉี่ยวชนรถยนต์ของชาวบ้านจนได้รับความเสียหาย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบกลับมีท่าทีที่ไม่เชื่อฟังพยานผู้ที่เห็นเหตุการณ์ แต่กลับไปรับฟังข้อมูลเท็จจากพยาน และกล่าวหารถของชาวบ้านเป็นฝ่ายก่อเหตุ ดังนั้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองชั้นผู้ใหญ่ให้เข้ามาดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้