ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ภาคีคณาจารย์-นักศึกษา ม.ราชภัฏโคราช ลุกฮือค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งสุดซอยล้างผิดคืนเงินคอร์รัปชันให้ “นช.แม้ว” นักการเมืองจอมโจรปล้นชาติโกงแผ่นดินและแกนนำเผาบ้านระเบิดเมือง ยื่น 7 ข้อเรียกร้องให้ยุติการผลักดัน พร้อมยกระดับการเคลื่อนไหวต่อสู้ร่วมกับ ปชช.ทั่วประเทศอย่างถึงที่สุด
ช่วงบ่ายวันนี้ (29 ต.ค.) ที่ลานไทร หน้าอาคารสำนักงานคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มภาคีคณาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมากว่า 100 คน นำโดย ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ รศ.ดร.พุฒิพงศ์ สัตยบุตรทิพย์ รักษาการคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ รวมตัวกันแถลงข่าวประณามและต่อต้าน “ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งสุดซอย เพื่อล้างมลทินให้กับนักการเมืองจอมโจรปล้นชาติ โกงแผ่นดิน”
โดยรายละเอียดแถลงการณ์ระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยได้นำร่าง “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับเหมาเข่งสุดซอย” ของ นายวรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าสภา เพื่อเดินหน้าโหวตวาระ 3 ทั้งที่มีเสียงท้วงติงของพี่น้องประชาชนหลายฝ่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดในครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจที่ขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรมเพียงเพื่อฟอกความผิดให้แก่พวกพ้องของตนเองหลังสามารถผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมฯ ของ นายวรชัย เหมะ เข้าสู่การพิจารณาของสภาได้สำเร็จและบุคคลที่จะได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” และบรรดากลุ่มก้อนแกนนำเผาบ้านระเบิดเมืองและเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์เพื่อหวังผลทางการเมือง
ประเด็นสำคัญที่จะนำไปสู่ความแตกแยกของประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง คือ ทันทีที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ นช.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาล อีกทั้งยังต้องคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร คอร์รัปชันและถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ยึดตกแก่แผ่นดินรวมทั้งดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ถูกยึดทรัพย์ อีกประมาณ 40,000 ล้านบาท
ฉะนั้นกลุ่มภาคีคณาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมามีความห่วงใยในสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องและเสนอข้อความเห็นไปยังรัฐบาล ในการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ดังนี้
1. เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและผลประโยชน์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้โปรดยุติการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้โดยเร่งด่วนเพื่อความสมานฉันท์ของประชาชนอย่างแท้จริง
2. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนและหยุดการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่หรือการกระทำใดที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นจุดเปราะบางทางความขัดแย้งของพี่น้องประชาชน เช่น การออก พ.ร.บ.พระราชทานอภัยโทษที่ไม่สอดคล้องกับหลักนิติรัฐนิติธรรมตามกฎหมายที่ปฏิบัติกันมาอย่างช้านาน ท่ามกลางสถานการณ์ความทุกข์ยากของประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
3. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาใส่ใจกับวิกฤตข้าวยากหมากแพง การทุจริตคอร์รัปชันที่กำลังเบ่งบานภายในประเทศที่ไร้การควบคุมอย่างเอาจริงเอาจังก่อนหายนะจะก่อเกิดแก่ประชาชนคนของชาติโดยไม่แยกชั้นวรรณะ จน รวย
4. ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล เอาจริงเอาจังกับกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการจาบจ้วงล่วงละเมิดและแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศโดยเร่งด่วน
5. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้มีประสิทธิภาพ เพราะขณะนี้สุจริตชน เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ตายรายวัน งบประมาณของรัฐซึ่งเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชนในภารกิจเพื่อดับไฟใต้รวม 200,000 ล้านบาทที่ละลายหายไป แต่สถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบตลอดทั้งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
6. เรียกร้องให้นักการเมืองหยุดพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เหยียบย่ำซากศพของประชาชนเข้ามาเสวยสุขเพียงเพราะเพื่อหวังผลทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ และยังยัดเหยียดผลกรรมให้แก่พี่น้องประชาชนได้ตกหลุมพราง กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองถูกหลอกใช้เมื่อหมดประโยชน์ก็เฉดทิ้ง
และ 7. ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนโปรดออกมาแสดงพลังคัดค้านต่อต้านกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งสุดซอยในครั้งนี้กันอย่างเนืองแน่นพร้อมเพรียง เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่อาจนำไปสู่ความพินาศย่อยยับของประเทศชาติจากการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จในครั้งนี้ และยังเป็นการย่ำยีประชาชนอย่างไม่ควรให้อภัย เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายที่กำลังถูกกระทำโดยนักการเมืองชั่วช้าสามานย์อยู่ในขณะนี้
“ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว กลุ่มภาคีคณาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาจะยกระดับการเคลื่อนไหวร่วมกับประชาชนทั่วประเทศ และในวันที่ 7 พ.ย.นี้จะมีการเสวนาชำแหละ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งสุดซอยนี้ให้แก่ผู้ที่สนใจภายในมหาวิทยาลัยฯ และประชาชนทั่วไป เพื่อปลุกพลังคณาจารย์ ประชาชน และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นพลังอันบริสุทธิ์ร่วมกันลุกขึ้นขับเคลื่อนต่อสู้อย่างถึงที่สุดต่อไป” ผศ.ดร.สามารถกล่าวในตอนท้าย