เพชรบูรณ์ - สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินคดีสหฟาร์มและบริษัทในเครือ หลังไม่ยอมจ่ายเงินลูกจ้างตามสั่งรอบแรก 290 คน แถมมีค้างจ่ายจ่ออีก 401 คน ด้านคำขอกู้แบงก์กรุงไทยคาดรู้ผลวันนี้
วานนี้ (17 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เพชรบูรณ์ว่า การประชุมคณะทำงานแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน กรณีบริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือขาดสภาพคล่อง ซึ่งมีนายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธาน มีภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์
ที่ประชุมได้ติดตามและประเมินปัญหากลุ่มที่ได้รับผลกระทบทั้ง 6 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานลูกจ้างบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกจ้างบริษัทในเครือสหฟาร์ม 691 คน ยื่นคำร้องต่อสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดหลังบริษัทติดค้างค่าจ้าง กระทั่งทางพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้บริษัทจ่ายเงินค่าจ้างภายใน 30 วัน แต่เมื่อครบกำหนดเวลาบริษัทกลับทำเพิกเฉย จ่ายเงินให้ลูกจ้างจำนวน 290 คน ยอดเงิน 5.7 ล้านบาทตามคำสั่งแรกเท่านั้น
ต่อมา ตัวแทนสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บึงสามพัน
ส่วนอีก 3 คำสั่งที่เหลือจะทยอยครบกำหนดเวลา ซึ่งนางอภิญญา ขาวลิขิต สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งว่า หากบริษัทยังไม่ยอมทำตามคำสั่งก็จะถูกแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก ส่วนสถานการณ์ด้านการเงินของบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด อยู่ระหว่างการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงจะยอมรับข้อเสนอหรือเงื่อนไขของธนาคารกรุงไทยหรือไม่ คาดว่าจะมีความชัดเจนวันที่ 18 ตุลาคมนี้ หากไม่ตกลงอาจจะมีการเริ่มต้นเจรจาขอกู้เงินจากธนาคารอื่น ซึ่งทำให้การจ่ายเงินค่าจ้างล่าช้าออกไปโดยไม่มีกำหนด
ข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมมยังตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลที่ทำให้ผู้ค้ายินยอมปล่อยให้สหฟาร์มติดค้างหนี้สินกันอย่างยาวนาน โดยนายศักดิชัย ลาภพรศิริกุล เลขานุการสมาคมพ่อค้าพืชไร่ จ.เพชรบูรณ์ ชี้แจงว่า กลุ่มเจ้าหนี้ต่างเชื่อใจ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ หลังเกิดวิกฤตการเงินขึ้นกลุ่มเจ้าหนี้ต่างก็ยังเชื่อมั่นทางสหฟาร์ม ที่สำคัญยังต้องการค้าขายกับทางบริษัทต่อไป ในขณะที่ทางบริษัทก็ใช้วิธีทยอยจ่ายหนี้ รวมทั้งสร้างความหวังให้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ด้วย ระยะแรกก็ยังทยอยจ่าย แต่ภายหลังผิดนัดไม่พอกลับเงียบหายไปเฉยๆ
“หากบริษัทเจ๊งจริงๆ และผู้บริหารแย่ไปด้วยหรือไม่มีจะจ่ายพวกผมก็เห็นใจ แต่หากเป็นแบบตรงกันข้ามก็ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหนี้ทั้งหลาย และวันนี้เจ้าหนี้แต่ละรายก็ไปตามสืบทรัพย์สินกันเหมือนกัน และอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลรับซื้อสินทรัพย์ หรือหนี้เน่าของบริษัทมาบริหาร เพราะผลกระทบไม่ใช่ผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น เกษตรกรรายเล็กๆ ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพคล่องของสหฟาร์มด้วย”
วานนี้ (17 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เพชรบูรณ์ว่า การประชุมคณะทำงานแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน กรณีบริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือขาดสภาพคล่อง ซึ่งมีนายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธาน มีภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์
ที่ประชุมได้ติดตามและประเมินปัญหากลุ่มที่ได้รับผลกระทบทั้ง 6 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานลูกจ้างบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกจ้างบริษัทในเครือสหฟาร์ม 691 คน ยื่นคำร้องต่อสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดหลังบริษัทติดค้างค่าจ้าง กระทั่งทางพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้บริษัทจ่ายเงินค่าจ้างภายใน 30 วัน แต่เมื่อครบกำหนดเวลาบริษัทกลับทำเพิกเฉย จ่ายเงินให้ลูกจ้างจำนวน 290 คน ยอดเงิน 5.7 ล้านบาทตามคำสั่งแรกเท่านั้น
ต่อมา ตัวแทนสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บึงสามพัน
ส่วนอีก 3 คำสั่งที่เหลือจะทยอยครบกำหนดเวลา ซึ่งนางอภิญญา ขาวลิขิต สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งว่า หากบริษัทยังไม่ยอมทำตามคำสั่งก็จะถูกแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก ส่วนสถานการณ์ด้านการเงินของบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด อยู่ระหว่างการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงจะยอมรับข้อเสนอหรือเงื่อนไขของธนาคารกรุงไทยหรือไม่ คาดว่าจะมีความชัดเจนวันที่ 18 ตุลาคมนี้ หากไม่ตกลงอาจจะมีการเริ่มต้นเจรจาขอกู้เงินจากธนาคารอื่น ซึ่งทำให้การจ่ายเงินค่าจ้างล่าช้าออกไปโดยไม่มีกำหนด
ข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมมยังตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลที่ทำให้ผู้ค้ายินยอมปล่อยให้สหฟาร์มติดค้างหนี้สินกันอย่างยาวนาน โดยนายศักดิชัย ลาภพรศิริกุล เลขานุการสมาคมพ่อค้าพืชไร่ จ.เพชรบูรณ์ ชี้แจงว่า กลุ่มเจ้าหนี้ต่างเชื่อใจ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ หลังเกิดวิกฤตการเงินขึ้นกลุ่มเจ้าหนี้ต่างก็ยังเชื่อมั่นทางสหฟาร์ม ที่สำคัญยังต้องการค้าขายกับทางบริษัทต่อไป ในขณะที่ทางบริษัทก็ใช้วิธีทยอยจ่ายหนี้ รวมทั้งสร้างความหวังให้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ด้วย ระยะแรกก็ยังทยอยจ่าย แต่ภายหลังผิดนัดไม่พอกลับเงียบหายไปเฉยๆ
“หากบริษัทเจ๊งจริงๆ และผู้บริหารแย่ไปด้วยหรือไม่มีจะจ่ายพวกผมก็เห็นใจ แต่หากเป็นแบบตรงกันข้ามก็ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหนี้ทั้งหลาย และวันนี้เจ้าหนี้แต่ละรายก็ไปตามสืบทรัพย์สินกันเหมือนกัน และอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลรับซื้อสินทรัพย์ หรือหนี้เน่าของบริษัทมาบริหาร เพราะผลกระทบไม่ใช่ผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น เกษตรกรรายเล็กๆ ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพคล่องของสหฟาร์มด้วย”
