ศูนย์ข่าวศรีราชา - ยูนิไทยฯ เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็น ประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โครงการก่อสร้างเขื่อนเทียบเรือ ส่วนขยาย 314 เมตร
ร.อ.ดุสิต มิทธิยา ผู้จัดการอาวุโส แผนกซ่อมบำรุงและพัฒนาพื้นที่ บริษัทยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด เผยว่า วันนี้ (5 ต.ค.) ทางบริษัทฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการก่อสร้างเขื่อนเทียบเรือสวนขยาย ขนาดความยาว 314 เมตร
เนื่องจากตามเงื่อนไขสัญญาเช่าที่ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการไว้กับท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องทำการสร้างอู่แห้ง แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการศึกษาความเหมาะสมโครงการสร้างอู่แห้งที่บริเวณท่าเรือแหลมฉบังแล้วแต่ พบว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากไปกรีดขว้างทางเดินของน้ำ จึงได้มาทำโครงการก่อสร้างเขื่อนเทียบเรือสวนขยาย ขนาดความยาว 314 เพื่อชดเชยทนแทนการสร้างอู่แห้งให้แก่ท่าเรือแหลมฉบัง แทนโดยว่าจ้าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับขอบเขตการทำงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมครอบคลุมพื้นที่โดยรอบที่ตั้งในรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ของเทศบาลนครแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 9 ชุมชน คือ ชุมชนแหลมฉบัง ชุมชนบ้านทุ่ง ชุมชนบ้านอ่าวอุดม ชุมชนวัดมโนรม ชุมชนบ้านนาเก่า ชุมชนบ้านนาใหม่ ชุมชนหมู่บ้านแหลมฉบัง ชุมชนทุ่งกราด และชุมชนบางละมุง
โดยการศึกษาจะเน้นเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการ หรือมีผลกระทบต่อโครงการ ทั้งในระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการ ซึ่งครอบคลุมทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ รวมทั้งการใช้ประโยชน์ของประชาชน และคุณภาพชีวิต
โดยจะมีมาตรการแก้ไขและป้องกันผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมทั้งในช่วงการก่อสร้าง และหลังจากเปิดใช้งานแล้ว โดยจะมีการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมระหว่างการพัฒนาโครงการ หลังจากที่ได้มีการพัฒนาโครงการไปแล้ว โดยจะตรวจสอบทั้งในเรื่องของเสียง อากาศ ดิน คุณภาพน้ำทะเล ระบบนิเวศในทะเล
พร้อมกันนี้ ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ข่าวสารการพัฒนาโครงการ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คำแนะนำ และคำปรึกษาได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ จะจัดกิจกรรมเปิดรับการความคิดเห็นของประชาชน ทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ถือว่าเป็นการปฐมนิเทศ เพื่อบอกกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอีก 3 ครั้ง ในการจัดทำรายกงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ
ร.อ.ดุสิต กล่าวต่อไปว่า หลังจากจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทางโครงการจะเปิดรับฟังความคิดเห็นอีก 15 วันเพื่อประชาชนได้แสดงความคิดเห็นได้อย่างกว้างขวาง รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยจะมีการจัดประชุมกลุ่มย่อย จากนั้นจึงจะทำรายงานสรุปเพื่อนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
ด้านนางสุนันท์ แอ่งคำ ประธานชุมชนอ่าวอุดมกล่าวว่า ผู้ประกอบการแต่ละรายที่เข้ามาก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ ในพื้นที่แต่ละรายก็จะบอกแต่สิ่งที่ดีๆ และให้คำมั่นสัญญาว่าโครงการของตนเองไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่หลังจากที่ได้ก่อสร้างไปแล้วก็เห็นว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นทุกราย มากบ้าง น้อยบาง แล้วแต่ความรับผิดชอบของแต่ละรายว่าจะมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในความเป็นจริงแล้ว ชาวบ้านก็ไม่ได้จะไปขัดการเจริญเติบโตของพื้นที่ แต่จะให้เรามั่นใจได้อย่างไรว่า ในระหว่างที่ดำเนินการก่อสร้าง รวมทั้งหลังจากสร้างเสร็จไปแล้วไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของประชาชน จะทำอย่างไรให้ทั้งชาวบ้าน และโรงงานอุตสาหกรรมหรือท่าเรืออยู่ร่วมกันได้ด้วยความปลอดภัย และมีความสุข