พระนครศรีอยุธยา - ฝนถล่มเมืองพระนครศรีอยุธยาหนักตลอดทั้งคืน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี (ทุ่งหันตรา) ด้านนายอำเภอท่าเรือ เตือนชาวบ้านท้ายเขื่อนพระราม 6 เก็บของหนีน้ำ คาดเย็นนี้มวลน้ำก้อนใหญ่มาถึงอยุธยา ขณะที่สำนักชลประทานที่ 10 แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในเขตสระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รีบมือปริมาณน้ำสูงขึ้น
เมื่อเช้าวันนี้ (30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้มีน้ำฝนท่วมขังบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี (ทุ่งหันตรา) สูงประมาณ 10 เซนติเมตร และน้ำฝนที่ตกลงมายังทำให้น้ำในบ่อภายในสวนสาธารณะอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี (ทุ่งหันตรา) เอ่อล้นท่วมถนนบางส่วน เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งทำการสูบน้ำออก
ขณะที่ทางชลประทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง ให้เก็บสิ่งของขึ้นไว้ที่สูงเนื่องจากอาจจะมีมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ในพื้นที่อำเภอท่าเรือ สูงกว่า 550 ลบ.ม./วินาที ภายในเย็นวันนี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปตรวจสอบระดับน้ำที่เขื่อนพระราม 6 พบว่า ระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยมีการระบายน้ำอยู่ที่ 450 ลบ.ม./วินาที ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อชาวอำเภอท่าเรือมากนัก
"แต่สำหรับมวลน้ำที่จะไหลมารวมกันที่เขื่อนพระราม 6 ที่ทางชลประทานประกาศคาดว่าจะมาถึงเขื่อนพระราม 6 ในเย็นวันนี้ ในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งหากมวลน้ำมาถึงทางเขื่อนพระราม 6 ก็จะต้องเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 600 ลบ.ม./วินาที ก็จะส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน 27 หมู่บ้าน 158 หลังคาเรือน ที่อยู่ 2 ริมตลิ่ง จึงฝากเตือนประชาชนเตรียมขนย้ายข้าวของ และติดตามสถานการณ์น้ำในเย็นวันนี้อย่างใกล้ชิด นายอำเภอท่าเรือ กล่าว
ทางด้านทางเทศบาลตำบลท่าเรือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดเตรียมกระสอบทรายนำมาอุดท่อระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมเปิดเครื่องระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมตลาดสดท่าเรือซ้ำรอย ซึ่งจะได้รับผลกระทบก่อนใครหากระดับน้ำสูง จึงต้องเร่งเตรียมพร้อมรับมือเพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าประชาชนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ตามปกติ
ขณะที่สำนักชลประทานที่ 10 ได้แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในเขตจังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ว่า ด้วยยังคงมีฝนตกบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอิทธิพลร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เป็นเหตุให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ณ วันที่ 29 กันยายน 2556 มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ 83 ของความจุเก็บกักสูงสุดที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ แม้จะยังคงรองรับน้ำได้เพิ่มอีกประมาณ 160 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังพายุโซนร้อน "หวู่ติ๊บ (Wutip) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนที่กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเข้าฝั่งเวียดนามตอนบน วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ที่จะถึงนี้ จึงต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายอ่างเก็บน้ำเป็นระยะๆ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านท้ายน้ำในทันทีทันใด และจะระบายน้ำสูงสุดในเกณฑ์ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที วันที่ 29 กันยายน 2556 เวลา 18.00 น. ซึ่งเมื่อรวมกับปริมาณน้ำระหว่างทางที่ไหลลงแม่น้ำป่าสักก่อนถึงหน้าเขื่อนพระราม 6 อีกประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้การระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 อยู่ในเกณฑ์ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 30 กันยายน 2556 โดยจะมีระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักท้ายอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มขึ้นจากวันที่ 29 กันยายน 2556 ประมาณ 65 เซนติเมตร ในท้องที่จังหวัดสระบุรี และด้านท้ายเขื่อนพระราม 6 เพิ่มขึ้นประมาณ 100 ถึง 120 เซนติเมตร ในท้องที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำหลาก เนื่องจากอิทธิพลดังกล่าวตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา จึงมีความจำเป็นต้องพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 ตามเกณฑ์ข้างต้น สำนักชลประทานที่ 10 จึงได้ขอความอนุเคราะห์จังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำป่าสัก และประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นบนที่สูง หรือที่ปลอดภัยจากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่จะเพิ่มสูงขึ้นในระยะต่อจากนี้ และขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการน้ำอย่างใกล้ชิด