พระนครศรีอยุธยา - รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเก่า พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ผู้ว่าฯ อยุธยา เตือนผู้นำท้องถิ่น และนายอำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด หลังพบน้ำในแม่น้ำป่าสักจะสูงขึ้นอีก 80-90 ซม. ด้านธุรกิจเมืองกรุงเก่าซบเซาหลังมีข่าวน้ำท่วมพระนครศรีอยุธยาหนัก ต่างบ่นนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50%
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่วัดธรรมาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจพื้นที่ประสบอุทกภัย และคันป้องกันน้ำท่วมบริเวณวัดธรรมาราม วัดจากนั้นได้แจกถุงยังชีพ และน้ำดื่มให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ม.8 ต.บ้านป้อม และราษฎรตำบลบางหัก อ.บางบาล จำนวน 1 พันชุด ทั้งนี้ นายวิเชษฐ์ เปิดเผยภายหลังว่า นอกจากมาตรวจดูสถานการณ์น้ำท่วม และแนวป้องกันน้ำท่วมตามพื้นที่ต่างๆ แล้ว ยังต้องการมาดูความเดือดร้อนประชาชนหลังเกิดเหตุน้ำท่วมด้วยว่า มีความเป็นอยู่กันอย่างไร ซึ่งทางรัฐบาลจะได้ให้ความช่วยเหลือต่อไป
ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี วันนี้ (29 ก.ย.) มีปริมาณเพิ่มขึ้น ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระดับความจุอยู่ที่ 102 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินความจุเขื่อนสามารถรับได้ 119 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีการระบายน้ำที่เขื่อนป่าสัก 220 ลบ.ม./วินาที ไหลลงมาที่เขื่อนพระราม 6 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งขณะนี้เขื่อนพระราม 6 ระบายน้ำอยู่ที่ความเร็ว 415 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำใน อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง อ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะสูงขึ้น 20-40 ซม. ขณะนี้น้ำได้ท่วมไปแล้ว 6 อำเภอ คือ อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.เสนา อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน 84 ตำบล 2 เทศบาล 535 หมู่บ้าน 29,364 ครัวเรือน วัด 34 แห่ง โรงเรียน 27 แห่ง สถานที่ราชการ 4 แห่ง มัสยิด 1 แห่ง
ด้านนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้ผู้นำท้องถิ่น และนายอำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง และทุกอำเภอที่ถูกน้ำท่วม และอยู่ใกล้กับแม่น้ำให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพบปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักจะสูงขึ้นอีก 80-90 เซนติเมตร
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้าผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับเรื่องที่มีการลงข่าวน้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนทำให้นักท่องเที่ยวที่จะมาท่องเที่ยวต่างยกเลิกไม่มา รวมทั้งธุรกิจโรงแรม ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวต่างบ่นว่านักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
นางสมจิตต์ พิมพ์ทอง อายุ 43 ปี แม่ค้าขายขนมกง ที่หลังวิหารพระมงคลบพิตร กล่าวว่าได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอยหายไปเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากข่าวที่มีการนำเสนอไปไม่เคลียร์ว่า อำเภออะไรที่ถูกน้ำท่วม ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยที่เคยมาไหว้พระหายไป และนักเรียนที่จองมาเที่ยวชมโบราณสถานต่างยกเลิกไม่มา จึงขอร้องให้ทางสื่อบางแห่งลงข่าวให้แน่ชัดว่าอำเภอใดบ้างที่ถูกน้ำท่วม และเกาะเมืองอยุธยายังไม่มีผลกระทบจากน้ำท่วมแต่อย่างใด
ส่วนนายชัชวาล เจริญโพธิ์ ผู้จัดการทั่วไปตลาดน้ำอโยธยา เขตเทศบาลเมืองอโยธยา ได้กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในตลาดน้ำได้หายไปประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนักท่องเที่ยวเข้าใจว่าตลาดน้ำอโยธยาเคยถูกน้ำท่วม สำหรับปัจจุบันนี้ น้ำยังไม่ท่วมแต่อย่างใด แต่ทัวร์ยังไม่หายสืบเนื่องจากมีการสอบถามมายังตลาดน้ำทำให้ไม่ส่งผลกระทบ แต่นักท่องเที่ยวคนไทยกลับหายไป
นายวิทยา ภิรมย์พานิช กรรมการผู้จัดการโรงแรมอยุธยาแกรนด์โฮเต็ล ได้กล่าวถึงเรื่องผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มีผลกระทบทัวร์บ้าง และลูกค้าที่เข้ามาพักที่โรงแรมจำนวนตกลงไปบ้าง ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากความเข้าใจผิดว่าน้ำท่วมอยุธยา แต่ความจริงนั้นน้ำท่วมเพียงต่างอำเภอบางอำเภอเท่านั้น ลูกค้าที่จะเข้าพักสอบถามต้องอธิบายว่าไม่ท่วม บางรายไม่มากลับพักจังหวัดข้างเคียงก็มี
