เกษตรกรแพร่ถามรัฐ ช่วยชาวนา ทิ้งข้าวโพดยุติธรรมแล้วหรือ

แพร่ - เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดเมืองแพร่ ขีดเส้นรัฐให้คำตอบพยุงราคา เปิดทางคนไร้เอกสารสิทธิร่วมโครงการแทรกแซงภายใน 1 ตุลาฯ นี้ หากถูกเมินนัดชุมนุมรอบ 3 แน่ ขู่คราวนี้ปิดเส้นทางสายเหนือที่เด่นชัย พร้อมถามเจ็บ “รัฐช่วยชาวนา ทิ้งชาวไร่ข้าวโพด ยุติธรรมหรือ!?”

รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่ แจ้งว่า หลังจากกลุ่มเกษตรกรใน อ.ร้องกวาง อ.เมือง จ.แพร่ กว่า 500 คน ปักหลักชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.56 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการชุมนุมครั้งที่ 2 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 4-5 บาทเท่านั้น แต่ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลที่จะช่วยคลี่คลายปัญหา

ซึ่งระหว่างที่เกษตรกรชุมนุมกันครั้งที่ 2 นี้ นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เข้ารับฟังความเดือดร้อนของเกษตรกร 6 ข้อ คือ 1.ขอให้รัฐบาลชดเชยราคาที่ขายไปกับพ่อค้าแล้วเพิ่มอีก 1.50 บาท แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตกรแต่ไม่เกิน 30 ตัน ผ่านธนาคารของรัฐ 2.การช่วยเหลือให้ยึดทะเบียนเกษตรกรปี 2552 และเร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่เหลืออยู่โดยเร็วเพื่อเข้าสู่กติกาการช่วยเหลือ 3.ให้รับซื้อข้าวโพดความชื้นร้อยละ 30 ราคากิโลกรับละ 7.00 บาท ความชื้นร้อยละ 14.5 ราคา 9 บาท 4. ขยายเวลาแทรกแซงไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 5.เร่งดำเนินการทันที และรีบแจ้งให้เกษตรกรทราบ 6.ให้รัฐบาลนำข้อเสนอเข้าพิจารณาใน ครม. ในวันที่ 1 ตุลาคม 56 เพราะถ้าช้าไปจะทำให้แก้ปัญหาไม่ทัน

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้รับข้อเสนอ และลงนามร่วมกัน จากนั้นได้เชิญผู้ประกอบการรับซื้อพืชไร่รายใหญ่ จำนวน 6 ราย เข้าหารือร่วมกับตัวแทนเกษตรกรในวันเดียวกัน แต่ผลการเจรจาไม่สามารถหาข้อยุติได้ เช่น ราคาข้าวโพดที่จะรับซื้อตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร กลุ่มผู้ประกอบการยืนยันราคาที่ 5.50 บาทเท่านั้น

นางฉวีวรรณ ฟุ่นเต่ย แกนนำเกษตรกร อยู่บ้านเลขที่ 32/2 หมู่ 4 ต.บ้านเวียง อ.เมือง จ.แพร่ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้รับข้อเสนอกับเกษตรกรจะนำปัญหาทั้ง 6 ข้อ เสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 1 ตุลาคม และผลของการช่วยเหลือให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ตุลาคม แต่ถ้ายังไม่ดำเนินการ หรือไม่คืบหน้า เกษตรกรทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดแพร่ จะผนึกกำลังเข้าปิดการจราจรสายเหนือที่ อ.เด่นชัย เป็นการชุมนุมครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน

“การช่วยเหลือเกษตรกรรัฐบาลช่วยแต่ชาวนา แล้วทิ้งชาวไร่ข้าวโพด มันยุติธรรมหรือ” นางฉวีวรรณกล่าว