ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - บรรยากาศที่ข่วงประตูท่าแพคึกคักหลังเครือข่ายภาคประชาชนหลั่งไหลเข้าร่วมเวทีจับตา FTA ไทย-ยุโรปของ FTA Watch แต่ละหน่วยงานเดินหน้าจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้-รณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจผลกระทบจาก FTA ไทย-ยุโรป ทั้งปัญหาสิทธิบัตรยา-พันธุ์พืชที่ส่งผลถึงระบบสุขภาพ-ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ เผยพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) ไปหน้าโรงแรมสถานที่ประชุมเจรจา FTA ให้กำลังใจทีมเจรจาฝ่ายไทย
เครือข่ายภาคประชาชนจากองค์กรต่างๆ เดินทางเข้าร่วมการชุมนุมจับตาการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ของกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ซึ่งจัดขึ้น ณ ข่วงประตูท่าแพในวันนี้ (18 ก.ย.) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บรรยากาศที่บริเวณข่วงประตูท่าแพเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายในพื้นที่ยังคงเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย
โดยภายในบริเวณได้มีการตั้งเต็นท์สำหรับให้เครือข่ายต่างๆ ทั้งเครือข่ายเกษตรทางเลือก กลุ่มเกษตรอินทรีย์ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ เครือข่ายงดเหล้า เครือข่ายผู้บริโภค กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และเครือข่ายอื่นๆ ใช้เป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูลและรณรงค์เพื่อสร้างการเรียนรู้เรื่องการค้าเสรี รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน ในระหว่างที่ตัวแทนของฝ่ายไทยและสหภาพยุโรปกำลังอยู่ในระหว่างการประชุมเจรจา ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 16-20 ก.ย.
สำหรับประเด็นหลักๆ ที่มีการนำเสนอข้อมูลต่อผู้มาร่วมกิจกรรม ทั้งจากบนเวทีปราศรัยและจากเครือข่ายต่างๆ ได้แก่ การเป็นภาคี UPOV1991 ภาคีสนธิสัญญาบูดาเปสต์ และยอมรับสิทธิบัตรสิ่งมีชีวิต ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และทรัพยากรชีวภาพของประเทศอย่างรุนแรง โดยเกษตรกรผู้ใช้เมล็ดพันธุ์จะต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ที่สูงขึ้น การเก็บรักษาพันธุ์เพื่อปลูกต่อหรือแลกเปลี่ยนจะมีความผิดและต้องจ่ายค่าเสียหายแก่บริษัท ส่วนวิสาหกิจชุมชนที่ปรับปรุงพันธุ์พืชจากพันธุ์พืชใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบอาหารของประเทศอย่างกว้างขวาง และถือเป็นการทำลายอธิปไตยทางอาหารของประเทศ
ขณะที่ปัญหาเรื่องสิทธิบัตรยาก็จะส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพของประเทศ เนื่องจากจะก่อให้เกิดการจำกัดการเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพราะหากไทยยอมให้มีการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ในส่วนทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินกว่าความตกลงทริปส์ที่ทำไว้กับองค์การการค้าโลกจะก่อให้เกิดการผูกขาดตลาดอย่างยาวนาน ทำให้ยามีราคาแพงขึ้น และประเทศต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านยาที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงยาได้ รวมทั้งส่งผลกระทบด้านลบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยาสามัญภายในประเทศ โดยที่ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับบริษัทยาข้ามชาติ
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการณณรงค์และให้ความรู้ที่บริเวณข่วงประตูท่าแพในระหว่างวันที่ 18-19 ก.ย.แล้ว ในวันที่ 19 ก.ย.ทางเครือข่ายทั้งหมดจะเดินขบวนรณรงค์จากข่วงประตูท่าแพไปยังสถานที่จัดการประชุมที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เพื่อแสดงพลังสนับสนุนให้ทีมเจรจาของรัฐบาลไทยดำเนินการเจรจาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชนทั้งในระยะสั้น และระยะยาวอีกด้วย