ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ไข้เลือดออกระบาดหนักต่อเนื่อง 4 จว.อีสานใต้ ผู้ป่วยพุ่งกว่าหมื่นราย ตายแล้ว 9 ราย โคราช ป่วยมากสุดเฉียด 5,000 ราย ส่วนสุรินทร์ ตายมากสุด 5 ราย สคร.5 โคราช เร่งรณรงค์ป้องกันเน้นโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงเฝ้าระวังใกล้ชิดเป็นพิเศษ
วันนี้ (9 ก.ย.) นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 (สคร.5) นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออกล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ส.ค.2556 ในพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 9 รวม 4 จังหวัดอีสานล่าง ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ พบผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 11,104 ราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย
โดย จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยมากที่สุด จำนวน 4,791 ราย มีผู้เสียชีวิต 4 คน รองลงมาคือ จ.สุรินทร์ พบผู้ป่วย 3,324 ราย มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 5 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 7-18 ปี จ.บุรีรัมย์ พบผู้ป่วย 1,892 ราย จ.ชัยภูมิ พบผู้ป่วย 1,097 ราย ทั้ง 2 จังหวัดยังไม่มีผู้เสียชีวิต
นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ประเทศไทยมีการระบาดของไข้เลือดออกอย่างรุนแรง โดยพบผู้ป่วยมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3 เท่าตัว ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะโลกร้อน และมีฝนตกเป็นระยะๆ มาตั้งแต่ต้นปี ทำให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และยังไม่มียารักษาเฉพาะ การป้องกันจึงมีความสำคัญโดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญมากที่สุด
ทั้งนี้ สคร. 5 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พร้อมประสานกับสาธารณสุขจังหวัด และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก ส่วนแนวทางปฏิบัติของโรงเรียนมีการให้ความรู้เรื่องไข้เลือดออกหน้าเสาธงทุกสัปดาห์ และในทุกเช้าให้คัดกรองเด็กที่มีไข้สูงติดต่อกัน 2 วัน ให้ทานยาลดไข้พาราเซตามอล และส่งพบแพทย์
พร้อมให้นักเรียนทำกิจกรรมทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในโรงเรียน และที่บ้านทุกสัปดาห์ เน้นกิจกรรม 5 ป 1 ข ทั้งที่โรงเรียน และที่บ้านทุกสัปดาห์ จัดบริเวณโรงเรียนให้โล่ง มีแสงสว่างเพียงพอ หมั่นสำรวจอย่าให้มียุงภายในโรงเรียน และอาจแนะนำให้นักเรียนใช้ยาทากันยุง หรือใช้ตะไคร้หอมหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถุงผ้าวางไว้ตามมุมอับชื้น หากมีเด็กป่วยเป็นไข้เลือดออกในห้องเรียน ควรใช้สเปรย์กระป๋องพ่นในห้องภายใน 24 ชั่วโมง และปิดอบห้อง 30 นาที และควรประสานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาล ขอความร่วมมือมาพ่นหมอกควันภายในบริเวณโรงเรียนด้วย