xs
xsm
sm
md
lg

ชาวพิจิตรตั้งวงถกของแพง-ค่าแรง 300 อ่วมถ้วนหน้า จำนำข้าวหมื่นห้าไม่เคยถึงมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิจิตร - ชาวเมืองชาละวันหลายหมู่บ้านเริ่มรวมตัวเปิดเวทีประชาธิปไตย ถกปัญหาปากท้อง ล่าสุด คนคลองคะเชนทร์ ตั้งวงถกนโยบายจำนำข้าว เอาเข้าจริงชาวนาไม่เคยได้ถึงตันละหมื่นห้า แถมเจอปัญหาค่าแรง 300 ซ้ำ ล่าสุด ทั้งแก๊ส-ค่าไฟ ปรับขึ้น ทำเดือดร้อนทั่วหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตรว่า วันนี้ (31 ส.ค.) นางปราณี พิลา ประธาน อสม. ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร และนายบุญรอด แสงทอง (สาวประเภทสอง) ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.คลองคะเชนทร์ ซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านของ อ.เมืองพิจิตร ที่มีเครือข่ายหลายพันคน พร้อมชาวบ้าน ชาวนา จำนวนเกือบ 100 คน เปิดเวทีประชาธิปไตยภาคประชาชน ที่วัดดงชะพลู ต.คลองคะเชนทร์ เพื่อรับฟังปัญหา ความทุกข์ ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

กลุ่มชาวบ้านที่เข้าร่วมเวทีได้ให้ข้อมูลร้องทุกข์กันว่า โครงการรับจำนำข้าว เอาเข้าจริงไม่เคยมีใครจำนำข้าวได้ตันละ 15,000 บาท เพราะถูกโรงสีเอาเปรียบด้วยการกินความชื้น โกงตาชั่ง ตัดสิ่งเจือปน โดยมีเจ้าหน้าที่บางคนรู้เห็นเป็นใจ

นอกจากนี้ เมื่อขนข้าวไปจำนำแล้วก็ไม่เคยมีใครได้รับใบประทวนตามกำหนดเลยแม้แต่รายเดียว เพราะโรงสีที่เข้าโครงการับจำนำบางแห่งไม่มีเงินค้ำประกันสัญญา จึงใช้วิธีเอาข้าวชาวนาไปหมุนด้วยการแปรรูปส่ง อ.ต.ก.-อคส. แลกกับใบประทวนมาให้ชาวนา และเป็นเหตุที่มาของการที่เกิดคดีโรงสี และท่าข้าวบางแห่งโกงชาวนาพิจิตรอย่างที่เป็นข่าวใหญ่โต

นางปราณี ยังกล่าวอีกว่า จากการทำเวทีประชาธิปไตยภาคประชาชนยังพบความเดือดร้อนของชาวบ้าน ว่า สินค้าทุกรายการ โดยเฉพาะปุ๋ย ยาฆ่าแมลงศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ข้าว เครื่องจักรกลที่ใช้ทำนาก็ขึ้นราคา ทำให้ทำนาแล้วขาดทุน และเริ่มมองเห็นแล้วว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นภาพลวงตา

เริ่มมีการถกว่า โครงการประกันรายได้ราคาพืชผลทางการเกษตรดูแล้ว เม็ดเงินน่าจะถึงมือเกษตรกรได้มากกว่าจำนำข้าวที่มีแต่โรงสีที่รวยขึ้นนอกจากนี้ค่าแรง 300 บาท ที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบาย ก็เพิ่มต้นทุนในการทำนา เพราะลูกจ้างทำนาที่เคยจ้างฉีดยาข้าววันละ 180 บาท หุงข้าวเลี้ยง 2 มื้อ แต่ปัจจุบันขอ 300 บาทขาดตัว ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เป็นกลุ่มแรงงานฝีมือ

ส่วนผู้ใช้แรงงานที่เป็นนักเรียนนักศึกษาจบ ปวช. ปวส. ค่าแรง 300 ผู้ประกอบการท้องถิ่นก็ให้ไม่ถึง 300 บาท ใครอยากได้ค่าแรง 300 บาท ก็ต้องอพยพไปขายแรงงานในเมืองอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นภาคการผลิต ทำให้แรงงานภาคการเกษตรในชนบทเกิดขาดแคลน

ด้านนายสุภา คำมินเสก ชาวบ้านหมู่ 2 ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร ก็เรียกร้องอยากให้ขยายเขตประปาจากที่เคยใช้ประปาหมู่บ้านให้มาเป็นประปาส่วนภูมิภาค เนื่องจากน้ำประปาที่ใช้ทำประปาหมู่บ้านต้องสูบน้ำบาดาล หรือน้ำบ่อ ที่ขณะนี้ไม่สามารถดื่มกินได้ เนื่องจากชาวนาใช้สารเคมีในการทำนา ทำให้สารเคมีเหล่านั้นซึมลงใต้ดิน

เมื่อฝนตกลงมาก็ทำให้สารเคมีไหลไปรวมกันในบ่อน้ำ เมื่อน้ำประปาของหมู่บ้านกินไม่ได้ก็ต้องซื้อน้ำกิน-น้ำใช้ โดยขณะนี้น้ำดื่มบรรจุถังขนาด 20 ลิตร จากที่เคยขายในราคาถังละ 10 บาท เมื่อมีนโยบายค่าแรง 300 บาทวัน ก็ขยับขึ้นมาเป็นถังละ 13-15 บาท และเมื่อค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ปรับราคาขึ้นอีก ราคาน้ำดื่มก็จะขยับขึ้นเป็นถังละ 20 บาท หรือ 3 ถัง 50 บาท จึงทำให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่งความเดือดร้อนในลักษณะเช่นนี้ทำให้เริ่มมีชาวบ้านในจังหวัดพิจิตร ทำเวทีประชาธิปไตยกันในลักษณะดาวกระจายมากขึ้น ก่อคลื่นใต้น้ำภาคประชาชนที่เห็นชัดมากขึ้นทุกขณะแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น