ศูนย์ข่าวศรีราชา-ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำเมืองพัทยา เผยคืบหน้าโครงการถมทะเลพัทยาคาดพร้อมดำเนิน การในงบปี 57 พร้อมแจงปัญหากัดเซาะชายหาดพัทยาช่วงระยะ 195 เมตรแรกที่เมืองพัทยาอุดหนุนงบฯกว่า 16 ล้านบาทเพื่อนำไปถมเบื้องต้นแก้วิกฤติ ซึ่งพบว่าหลังดำเนินการไปเพียงไม่ถึง 1 ปี ทรายกลับหาย ไปจนหมด จนหลายฝ่ายหวั่นการดำเนินการแก้ไขในภาพรวมจะไม่สามารถแก้ไข้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
นายสมภพ วันดี ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำเมืองพัทยา ได้เข้าชี้แจ้งเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินโครงการการถมทะเลชายหาดเมืองพัทยา ในการแถลงโฆษกเมืองพัทยาต่อสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา
โดยระบุว่าปัญหาการกัดเซาะชายหาดเมืองพัทยาเกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่งปี 2546 เมืองพัทยาจึงประสานงานร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคในการว่าจ้าง สถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาทำการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยหวังนำผลการศึกษาและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเสนอตรงต่อรัฐบาลเพื่อขอจัดสรรงบประมาณสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าปัจจุบันชายหาดเมืองพัทยาประสพปัญหาการถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงและหากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจทำให้ชายหาดหายไปภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการท่องเที่ยวในอนาคต
ทั้งนี้ จากผลการศึกษามีแนวทางที่จะจัดทำโครงการถมทะเลขึ้น โดยมีสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมได้ทำเรื่องเสนอของบประมาณโดยตรงจากรัฐบาลในจำนวนงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เพื่อจัดทำการถมทะเลขยายชายหาดให้กว้างขึ้นในระยะ 50 เมตรตลอดแนวชายหาดพัทยารวมระยะ ทางยาวกว่า 2.7 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเสนอโครงการต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และคาดว่าคงจะมีผลการพิจารณาภายในปีงบประมาณ 2557 นี้
นายสมภพ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าปัญหาการกัดเซาะบริเวณชาย หาดช่วง 200 เมตรแรกถือว่ารุนแรงเป็นอย่างมาก จนมีการร้องเรียนผ่านไปยังจังหวัดชลบุรีจากนั้นจึงมีคำ สั่งเมืองพัทยาหาแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน กระทั่งสภาเมืองพัทยาเห็นชอบอนุมัติงบประ มาณจำนวน 15.7 ล้านบาทในการถมทรายช่วงพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้รูปแบบผลการศึกษาของสถาบันวิจัยฯมาเป็นแม่แบบ ทั้งการวางแผนกระสอบทรายแบบ Geo-Textile ในระยะ 15 เมตร และการถมทรายหลังแนวกระสอบออกไปอีก 15 เมตรรวมใช้ทรายไปกว่า 9,800 ลบ.ม. ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2555 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ซักถามเกี่ยวกับการดำเนินการถมทรายชายหาดพัทยาในระยะแรก ว่าการดำเนินการดังกล่าวนำรูปแบบการศึกษาวิธีการถมทรายมาจากสถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผลการศึกษานี้ระบุว่าหากมีการถมทรายลงบนพื้นที่ชายหาดเพื่อขยายแนวในความกว้าง 50 เมตร ทรายเหล่านี้จะสามารถอยู่ได้ในระยะเวลา 15 ปีก่อนจะถูกกัดเซาะไป
แต่ปรากฏว่าโครงการที่เมืองพัทยาจัดทำเป็นการเบื้องต้นนี้แม้จะผ่านระยะเวลาไปเพียงประมาณ 1 ปีเท่านั้น ทรายที่นำมาถมลงบนพื้นที่ชายหาดกว่า 50 % กลับถูกกัดเซาะจนหายไปเหลือเพียงแนวสันเขื่อนกระสอบทรายที่กันแนวไว้ในระยะ 15 เมตรเท่านั้น จึงเป็นที่สงสัยว่าโครงการที่ทำการศึกษาไว้ทั้งระบบในงบประมาณ 400 ล้านที่กำลังจะผ่านเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณานั้น จะมีประสิทธิภาพตามข้อสรุปของสถาบันฯที่ว่าชายหาดหลังการขยายแนวจะอยู่คงทนไปอีก 15 ปีได้จริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทางเมืองพัทยาจะได้มีการนำปัญหาดัง กล่าวไปหารือและเสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในหาคำตอบที่ชัดเจนต่อไป
นายสมภพ วันดี ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำเมืองพัทยา ได้เข้าชี้แจ้งเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินโครงการการถมทะเลชายหาดเมืองพัทยา ในการแถลงโฆษกเมืองพัทยาต่อสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา
โดยระบุว่าปัญหาการกัดเซาะชายหาดเมืองพัทยาเกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่งปี 2546 เมืองพัทยาจึงประสานงานร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคในการว่าจ้าง สถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาทำการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยหวังนำผลการศึกษาและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเสนอตรงต่อรัฐบาลเพื่อขอจัดสรรงบประมาณสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าปัจจุบันชายหาดเมืองพัทยาประสพปัญหาการถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงและหากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจทำให้ชายหาดหายไปภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการท่องเที่ยวในอนาคต
ทั้งนี้ จากผลการศึกษามีแนวทางที่จะจัดทำโครงการถมทะเลขึ้น โดยมีสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมได้ทำเรื่องเสนอของบประมาณโดยตรงจากรัฐบาลในจำนวนงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เพื่อจัดทำการถมทะเลขยายชายหาดให้กว้างขึ้นในระยะ 50 เมตรตลอดแนวชายหาดพัทยารวมระยะ ทางยาวกว่า 2.7 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเสนอโครงการต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และคาดว่าคงจะมีผลการพิจารณาภายในปีงบประมาณ 2557 นี้
นายสมภพ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าปัญหาการกัดเซาะบริเวณชาย หาดช่วง 200 เมตรแรกถือว่ารุนแรงเป็นอย่างมาก จนมีการร้องเรียนผ่านไปยังจังหวัดชลบุรีจากนั้นจึงมีคำ สั่งเมืองพัทยาหาแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน กระทั่งสภาเมืองพัทยาเห็นชอบอนุมัติงบประ มาณจำนวน 15.7 ล้านบาทในการถมทรายช่วงพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้รูปแบบผลการศึกษาของสถาบันวิจัยฯมาเป็นแม่แบบ ทั้งการวางแผนกระสอบทรายแบบ Geo-Textile ในระยะ 15 เมตร และการถมทรายหลังแนวกระสอบออกไปอีก 15 เมตรรวมใช้ทรายไปกว่า 9,800 ลบ.ม. ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2555 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ซักถามเกี่ยวกับการดำเนินการถมทรายชายหาดพัทยาในระยะแรก ว่าการดำเนินการดังกล่าวนำรูปแบบการศึกษาวิธีการถมทรายมาจากสถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผลการศึกษานี้ระบุว่าหากมีการถมทรายลงบนพื้นที่ชายหาดเพื่อขยายแนวในความกว้าง 50 เมตร ทรายเหล่านี้จะสามารถอยู่ได้ในระยะเวลา 15 ปีก่อนจะถูกกัดเซาะไป
แต่ปรากฏว่าโครงการที่เมืองพัทยาจัดทำเป็นการเบื้องต้นนี้แม้จะผ่านระยะเวลาไปเพียงประมาณ 1 ปีเท่านั้น ทรายที่นำมาถมลงบนพื้นที่ชายหาดกว่า 50 % กลับถูกกัดเซาะจนหายไปเหลือเพียงแนวสันเขื่อนกระสอบทรายที่กันแนวไว้ในระยะ 15 เมตรเท่านั้น จึงเป็นที่สงสัยว่าโครงการที่ทำการศึกษาไว้ทั้งระบบในงบประมาณ 400 ล้านที่กำลังจะผ่านเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณานั้น จะมีประสิทธิภาพตามข้อสรุปของสถาบันฯที่ว่าชายหาดหลังการขยายแนวจะอยู่คงทนไปอีก 15 ปีได้จริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทางเมืองพัทยาจะได้มีการนำปัญหาดัง กล่าวไปหารือและเสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในหาคำตอบที่ชัดเจนต่อไป
