สุโขทัย - เครือข่ายชาวไร่ยาสูบทั้งเหนือ-อีสาน ยันเดินหน้าต้าน พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบถึงที่สุด ชี้คนมีอคติยกร่าง ใช้มาตรการสุดโต่ง
วันนี้ (8 ส.ค.) นายสมนึก ยิ้มปิ่น ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์จังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุขยกร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ เมื่อปี 2555 เครือข่ายต่อต้านการสูบบุหรี่กลุ่มต่างๆ ได้นำเสนอประเด็นข้อมูลเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.อย่างต่อเนื่อง และมีการพาดพิงถึงชาวไร่ยาสูบบ่อยครั้ง รวมทั้งชี้นำให้ชาวไร่ยาสูบ ซึ่งประกอบอาชีพสุจริตต้องตกเป็นจำเลยสังคม กล่าวหาชาวไร่ว่าละโมบ และเป็นเครื่องมือบริษัทบุหรี่
นอกจากนี้ ในร่าง พ.ร.บ.ยังลิดรอนสิทธิ และกีดกันการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยาสูบ มีการให้อำนาจเพื่อออกกฎหมายลูกได้โดยไม่ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี หรือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขัดต่อหลักธรรมาภิบาล และก่อให้เกิดปัญหากับชาวไร่ยาสูบ
ดังนั้น ชาวไร่ยาสูบจึงต่อต้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะยกร่างโดยผู้มีอคติกับยาสูบ มีเนื้อหาต้องการลดการบริโภคยาสูบให้หมดไป และนำเสนอมาตรการสุดโต่ง สร้างภาระแก่ผู้ผลิตและผู้ค้ายาสูบกว่า 480,000 ราย ซึ่งเป็นปลายน้ำของอุตสาหกรรม เมื่อปลายน้ำถูกควบคุม ต้นน้ำเช่นชาวไร่ยาสูบก็ย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายกฤษณ์ ผาทอง ตัวแทนชาวไร่ยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนียในภาคเหนือ กล่าวว่า นอกจากรายได้ที่ชาวไร่ได้รับจากการปลูกยาสูบ เพื่อส่งให้โรงงานยาสูบถึง 29.63 ล้านกิโลกรัม ในปี 2554 การปลูกใบยาสูบเพื่อส่งออกปีที่ผ่านมายังมีมูลค่าสูงกว่า 2,554 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่ายาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจนำ ทำรายได้เข้าประเทศไทย และไม่สร้างภาระให้รัฐบาล
นายสันต์ หาญสุโภ ตัวแทนชาวไร่ยาสูบพันธุ์เตอร์กิช ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ชาวไร่ยาสูบทั้งประเทศ จะร่วมกันต่อต้านร่าง พ.ร.บ.จนถึงที่สุด เพื่อปกป้องอาชีพสุจริต ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยสร้างปัญหาให้รัฐบาล ไม่เคยปิดถนนให้รัฐบาลช่วยซื้อ ไม่เคยประท้วงขอขึ้นราคา อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมายควบคุมยาสูบของไทย มีความเข้มงวดมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นออกกฎหมายเพื่อทำร้ายชาวไร่ยาสูบอีกเลย
ทั้งนี้ การทำไร่ยาสูบพันธุ์เตอร์กิชให้ผลผลิตดี ชาวไร่ได้พัฒนาความรู้ในการปลูก ทำให้ได้ใบยามีคุณภาพ และได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไทำให้หลายจังหวัดในภาคอีสานมีการปลูกยาสูบอย่างแพร่หลาย เช่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครพนม กาฬสินธุ์ และสกลนคร ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้ว่ายาสูบจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่รัฐบาลหรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้ให้การสนับสนุนเหมือนพืชอื่น แต่ชาวไร่เกือบ 30,000 ครอบครัวก็เลือกที่จะปลูก เพราะมีราคาที่แน่นอน และรายได้ดี
