นักอนุรักษ์ชี้เร่งโอนย้าย “สวนสัตว์เชียงใหม่” ส่อผิด กม. หวั่น“ปลอด” ใช้เป็นจุดเริ่มปลุกผี “อุทยานช้าง-กระเช้าดอยสุเทพ”

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่า ชูมือค้านความพยายามโอนย้าย “สวนสัตว์เชียงใหม่” ซุกปีกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) หวั่นถูกนำไปแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจมากกว่าอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและบริการประชาชน ย้ำหากเร่งรีบอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ยอมรับกังวลจะเป็นจุดเริ่มต้นปลุกผีฟื้น “อุทยานช้าง-กระเช้าลอยฟ้าดอยสุเทพ” สนองประโยชน์บางกลุ่ม

วันนี้ (7 ส.ค.) นายนิคม พุทธา เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย กล่าวถึงแนวคิดของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ที่พยายามโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ว่าสวนสัตว์เชียงใหม่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา มีลักษณะเฉพาะตัว ผูกพันกับคนเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจศึกษาเรียนรู้ และพักผ่อนหย่อนใจ เน้นให้บริการมากกว่าธุรกิจ หรือทำตลาดท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติเป็นหลัก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สวนสัตว์เชียงใหม่อาจจะมีความจำเป็นต้องหารายได้มากขึ้นเพื่อเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ จึงต้องสร้างจุดขายเพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น แพนด้า อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีวิธีคิดแบบธุรกิจการค้าหาประโยชน์เชิงการค้าจากสัตว์ป่า แต่สวนสัตว์เชียงใหม่ยังคงวัตถุประสงค์เดิม โดยเฉพาะไม่เน้นธุรกิจ และแสวงหาประโยชน์จากสัตว์ป่า

นายนิคมกล่าวว่า โดยส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วยกับความพยายามที่จะโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ เนื่องจากปัจจุบันสวนสัตว์เชียงใหม่มีการบริหารจัดการองค์กร และสามารถดูสัตว์ป่าได้ดีจนเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ที่สำคัญสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาสวนสัตว์เชียงใหม่ไว้เช่นทุกวันนี้ คือ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้และอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย มากว่าสนองความต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นอกจากนี้ ความพยายามเร่งรีบโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ ยังมีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะกระทำผิดกฎหมายอย่างน้อย 2 ฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 จากการใช้ประโยชน์สัตว์ป่าทางการค้า และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ที่กำหนดว่ากิจการสวนสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องให้เจ้าพนักงานของรัฐดำเนินการเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากมีความพยายามที่จะโอนย้ายให้ได้จริงๆ ก็ไม่ควรเร่งรีบจนเกินไป ควรมีการศึกษาให้รอบคอบและรอบด้าน ทั้งข้อกฎหมาย ความสมัครใจขององค์กร และบุคลากรของสวนสัตว์เชียงใหม่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับมุมมองของคนท้องถิ่นด้วย

นายนิคมกล่าวด้วยว่า อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าความพยายามโอนย้ายสวนสัตว์ จะนำมาซึ่งความพยายามรื้อฟื้นโครงการอื่นๆ เช่น โครงการอุทยานช้าง โครงการกระเช้าลอยฟ้าดอยสุเทพขึ้นมาอีกครั้ง

“โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการผลาญทรัพยากรและสมบัติของประเทศ เพียงเพื่อจะมุ่งตอบสนองประโยชน์ของบางกลุ่ม และการท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง ที่ผู้มีอำนาจบริหารแล้วมักคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน และคำนึงถึงสิ่งที่ต้องสูญเสียไป ซึ่งจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป”