ชาวบ้านบุกค้านสร้างท่าเรือขนถ่ายสินค้ากลางลำน้ำบางปะกง

ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านโพธิ์ บุกยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ คัดค้านการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้ากลางลำน้ำบางปะกง อ้างขัดรัฐธรรมนูญ และมติ ครม.ปี 52 ด้านรองผู้ว่าฯ ออกรับหน้า พร้อมเป็นตัวกลางส่งต่อถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบ

วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวบ้าน ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ พร้อมเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำบางปะกง ในนามสมัชชาแปดริ้วเมืองยั่งยืน กว่า 20 คน ขอเข้าพบนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อคัดค้านการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่กลางลำน้ำบางปะกง ที่จังหวัดในนามของคณะกรรมการเพื่อพิจารณากลั่นกรองการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ เป็นผู้อนุญาต แต่นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด มาพบแทนเพื่อรับเรื่องร้องเรียน โดยมีนายประโยชน์ เลี่ยวสมบูรณ์ นายอำเภอบ้านโพธิ์ มาร่วมรับฟังปัญหาด้วย

นายศักดา ทองประสิทธิ์ เครือข่ายองค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำภาค 6 กล่าวว่า จากการที่บริษัท อีสเทิร์น ทีพีเค แค็ปปิตอล จำกัด เข้ามาก่อสร้างท่าเทียบเรือแบบรูปตัวที ขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ที่ริมฝั่งลำน้ำบางปะกง 6 ท่า ในเขตหมู่ 6 ต.สนามจันทร์ หลังจากได้รับใบอนุญาตจากทางจังหวัด พบว่าใบอนุญาตมีความคลาดเคลื่อนสำคัญผิดในสาระสำคัญ ไม่ถูกต้องต่อความเป็นจริง และขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 287 ที่ระบุว่า ประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิ มีส่วนร่วมในการบริหารกิจการขององค์กรส่วนท้องถิ่น โดยที่องค์กรส่วนท้องถิ่น ต้องจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการกระทำที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น และต้องแจ้งรายละเอียดให้ประชาชนทราบ ก่อนกระทำการในเวลาอันสมควร และต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ให้ประชาชนออกเสียงเป็นประชามติก่อนทำการ

นายศักดา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังขัดกับมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ที่กำหนดว่าให้จัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการพัฒนาใดๆ ที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติ ซึ่งแม่น้ำบางปะกงนั้นถือว่าเป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญระดับชาติเช่นเดียวกันด้วย จึงขอให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกถอนใบอนุญาตทั้งหมดที่เคยออกให้แก่บริษัท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ขณะที่นางเปี่ยมจิต เมธาวศิน อายุ 71 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ กล่าวว่า ครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณริมลุ่มลำน้ำแห่งนี้มานานกว่า 70 ปีเต็ม เดิมที อ.บ้านโพธิ์ เป็นพื้นที่ที่มีความสงบสุขเพราะเป็นพื้นที่ปิด แต่พอความเจริญเข้ามาก็สร้างปัญหาตามมาอย่างมากมาย ขณะเดียวกันการก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรือแห่งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่เคยมีใครได้รับรู้มาก่อน มารู้เมื่อมีนายทุนเริ่มถมที่ และปักเสาเข็มก่อสร้างโครงการแล้ว

ด้านนายบัณฑิตย์ กล่าวว่า ทางจังหวัดไม่มีอำนาจสั่งระงับได้ เพราะกลุ่มทุนปรับถมที่ดินเตรียมก่อสร้างในที่ดินของเขา ก็เหมือนกับเราถมดินปลูกบ้านของเราเช่นเดียวกัน ไม่มีใครมาห้ามได้ ยกเว้นกรณีที่มีการกระทำผิดกฎหมายเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปดำเนินคดีได้ ซึ่งเรื่องการอนุญาตให้ก่อสร้างนั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น กรมเจ้าท่า และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทางจังหวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม จะรับเรื่องไว้พร้อมส่งผ่านเรื่องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงให้พิจารณาข้อร้องเรียนของชาวบ้าน และจะช่วยผลักดันให้มีการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะมีการสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าต่อไป