xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าพนักงานที่ดินเผยสำนักสงฆ์ขันติธรรมฉาว มีโฉนด 12 แปลง 63 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางลอน มนัส อายุ  68 ปี  เจ้าของที่ดินสำนักสงฆ์ขันติธรรม
ศรีสะเกษ - เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดฯ สาขากันทรารมย์ เผยสำนักสงฆ์ขันติธรรมของพระดังมีโฉนดที่ดิน 12 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 63 ไร่ โฉนดชื่อ “นางลอน” มี 5 แปลง 12 ไร่เศษ ขณะ “นางลอน” ประกาศขอโฉนดที่ดินคืนจาก “หลวงปู่เณรคำ” ภายใน 11 ก.ค.นี้ เพื่อนำเอามาเป็นหลักฐานขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขาอำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสอบถามถึงที่มาที่ไปของที่ดินของวัดป่าขันติธรรม หรือสำนักสงฆ์ขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ของ พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก โดยนายสุมนชาติ ธีระสูตร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขาอำเภอกันทรารมย์ ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเอกสารโฉนดที่ดินของวัด พบว่าที่ดินของวัดทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 63 ไร่

นายสุมนชาติ ธีระสูตร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขาอำเภอกันทรารมย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตามแผนที่ระวางแล้ว ที่ดินของวัดป่าขันติธรรมมีเนื้อที่ทั้งหมด 63 ไร่ 3 งาน 26 ตารางวา โดยแยกเป็น 12 แปลง มีโฉนดชื่อของนางลอน มนัส รวมทั้งหมด 5 แปลง เนื้อที่ 12 ไร่ 3 งาน 19 ตารางวา ชื่อของนายสุตีย์ วุฒิยาสาร นางสาวฐิติยา วุฒิยาสาร และนางสาวเบญจมาภรณ์ วุฒิยาสาร โฉนดมี 3 ชื่อ จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 12 ตารางวา และชื่อ นางทองมี วุฒิยาสาร จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 9 ไร่ นอกจากนั้นเป็นที่ดินของคนอื่นๆ

ทางด้าน นางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินสำนักสงฆ์ขันติธรรม กล่าวว่า เดิมทีที่ดินตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมผืนนี้เป็นโฉนดเลขที่ 6390 เล่ม 64 หน้า 90 มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 33 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา มีชื่อ นางทา สืบสี และนางแพง เพ็งจันทร์ เป็นเจ้าของ โดยนางทาเป็นพี่สาวของนางแพง และนางแพงเป็นแม่ของนางทองมี วุฒิยาสาร ต่อมาได้มีการแบ่งแยกโฉนดเป็นหลายฉบับ โดยโฉนดที่เป็นชื่อของตนมีจำนวน 5 ฉบับ และตนได้ซื้อที่ดินต่อจากนางแพง ซึ่งเป็นแม่ของนางทองมี วุฒิยาสาร จำนวน 4 ไร่ ในราคา 160,000 บาท โดยจ่ายเงินให้แก่นางแพงไปแล้ว

ต่อมาเมื่อช่วงประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา หลวงปู่เณรคำได้แจ้งให้ตนนำเอาโฉนดทั้งหมดไปให้ โดยหลวงปู่เณรคำแจ้งว่าจะเก็บโฉนดเอาไว้เอง ตนจึงได้นำเอาโฉนดที่เป็นชื่อของตนจำนวน 3 ฉบับเดินทางไปพบหลวงปู่เณรคำพร้อมกับ นายถาวร เกษแก้ว น้องชายของตน และได้มอบโฉนดให้หลวงปู่เณรคำโดยตรง แต่ไม่ได้มีการเซ็นมอบอำนาจให้หลวงปู่เณรคำแต่อย่างใด ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 18.00 น.

โดยโฉนดที่ดินที่จัดตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมในปัจจุบันแบ่งแยกเป็นดังนี้ คือ โฉนดเลขที่ 169 จำนวน 6 ไร่ เป็นชื่อ นางทองมี วุฒิยาสาร บริเวณนี้สร้างเป็นศาลา กุฏิพระ อาคารมูลนิธิ และสระน้ำ โฉนดเลขที่ 170 เนื้อที่ 3 ไร่ เป็นชื่อของนางทองมี วุฒิยาสาร เป็นบริเวณที่สร้างองค์พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก โฉนดเลขที่ 322 เนื้อที่ 2 ไร่ เป็นชื่อของนางลอน มนัส เป็นบริเวณถนนทางออกจากหน้าอาคารมูลนิธิไปยังศาลาใหญ่ ที่ก่อสร้างพุทธกุมาร โฉนดเลขที่ 232 เนื้อที่ 2 ไร่ เป็นชื่อของ นางลอน มนัส เป็นบริเวณที่ทำศาลาปฏิบัติธรรมหน้าองค์พระแก้ว โฉนดเลขที่ 321 เนื้อที่ 4 ไร่ ใช้เป็นศาลาพักญาติธรรม โรงทานหน้าฐานพระพุทธกุมารทั้งหมด และ พื้นที่บริเวณจากหน้าฐานพระพุทธกุมารยาวไปถึงประตูหน้าทางออกวัดจำนวนประมาณ 7 ไร่ เป็นต้น

นางลอนกล่าวต่อว่า จนถึงบัดนี้หลังจากที่หลวงปู่เณรคำได้โฉนดไปแล้วก็ไม่ได้ดำเนินการสร้างวัดแต่อย่างใด ดังนั้นตนกับครอบครัวญาติพี่น้องจึงมีความประสงค์ที่จะขอโฉนดที่ดินทั้ง 3 ฉบับคืนจากหลวงปู่เณรคำ เพื่อที่จะได้นำเอามาประกอบหลักฐานในการขอตั้งวัดให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

หลังจากมีการจัดตั้งวัดเรียบร้อยแล้วตนจะเซ็นมอบโฉนดที่ดินทั้งหมดที่เป็นที่ตั้งวัดให้วัดที่มีการจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยขอให้หลวงปู่เณรคำได้กรุณานำโฉนดของตนทั้ง 3 ฉบับมาคืนให้ตนภายใน 15 วัน คือภายในวันที่ 11 ก.ค. 2556 เพื่อที่จะได้นำเอาไปประกอบหลักฐานในการตั้งวัดให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยด่วน และหากไม่นำเอามาคืนภายในกำหนด ตนจะถือว่าโฉนดของตนสูญหายทั้งหมดและจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อขอโฉนดแทนใบเดิมต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น