ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สำนักงานเกษตรเชียงใหม่แจงแผนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ 2 มาตรการ ทั้งสนับสนุนงบประมาณ ช่วยรวบรวมผลผลิตส่งขายนอกพื้นที่ กับประชาสัมพันธ์ให้คนบริโภคลิ้นจี่ หลังคาดปีนี้มีน้อยแต่ราคาอาจตก ชี้ผลผลิตต่ำกว่าปี 55 เพราะอากาศแปรปรวน ต้นทุนพุ่งเกือบทุกด้าน วอนประชาชนช่วยซื้อบริโภค
วันนี้ (28 พ.ค.) นายสุรพล ทองเที่ยง หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ผลผลิตลิ้นจี่ปี 2556 ว่า จากการประเมินผลของคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ คาดว่าผลผลิตลิ้นจี่เชียงใหม่ปีนี้จะออกสู่ตลาดน้อย เนื่องจากแหล่งเพาะปลูกสำคัญของจังหวัด ได้แก่ อ.ฝาง อ.ไชยปราการ อ.แม่อาย อ.แม่แตง และ อ.แม่ริม ซึ่งมีเนื้อที่ยืนต้น 57,001 ไร่ เนื้อที่ให้ผลผลิตประมาณ 50,114 ไร่ ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวสลับร้อน และมีฝนตก ทำให้ลิ้นจี่ออกดอกหลายรุ่น โดยจะติดดอกดีในพื้นที่สูงและหุบเขา ส่วนที่ราบลุ่มติดดอกน้อย
ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตลิ้นจี่ของเชียงใหม่ในปีนี้จะมีประมาณ 25,486 ตัน ลดลงจากปี 2555 ประมาณ 4,611 ตัน คิดเป็นร้อยละ 15.32 โดยผลผลิตเฉลี่ย 509 กิโลกรัมต่อไร่ อาจกระจายตัวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายน และอาจราคาตกต่ำเป็นบางช่วง ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น คณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตทางการเกษตรระดับจังหวัด จึงได้พิจารณาแผนป้องกันและแก้ปัญหาลิ้นจี่ โดยเสนอให้คณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคเหนือเตรียมช่วยเหลือผลผลิตลิ้นจี่บางส่วนที่เกินความสามารถในการบริหารจัดการของจังหวัดตามกลไกปกติ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้อนุมัติโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาลิ้นจี่ ปี 2556 เพื่อให้จังหวัดดำเนินการแล้ว
โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วย 2 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. การกระจายผลผลิตลิ้นจี่ออกนอกแหล่งผลลิต โดยจะสนับสนุนเงินจ่ายขาดเป็นค่าบริหารจัดการเพื่อรวบรวมและกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดปลายทางในอัตรา 2.50 บาทต่อกิโลกรัมให้แก่สถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและแนวทางปฏิบัติของโครงการ ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศไว้ โดยมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการเมื่อราคาลิ้นจี่เกรด A ตามที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติกำหนด มีราคาต่ำกว่า 17.94 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน 43 วิสาหกิจใน อ.ฝาง อ.แม่อาย และ อ.ไชยปราการ กับสหกรณ์การเกษตรอีก 2 สหกรณ์ สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว โดยมีเป้าหมายตามมาตรการ 3,360 ตัน
2. ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ โดยในส่วนของเชียงใหม่ได้ร่วมกับ จ.สงขลา จัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคลิ้นจี่ที่ห้างโรบินสัน หาดใหญ่ วันที่ 7-9 มิถุนายน และจะส่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมจำหน่ายลิ้นจี่ในกิจกรรมของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งจะจัดขึ้นที่สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายนด้วย
นายสุรพลกล่าวว่า ขณะนี้ลิ้นจี่ส่วนหนึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการเก็บเกี่ยว โดยมีลิ้นจี่ที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว 10,781 ตัน ราคา 25-30 บาทสำหรับลิ้นจี่เกรดคละคุณภาพดี ขณะที่ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิจะเริ่มออกสู่ท้องตลาด คาดว่าในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนผลผลิตลิ้นจี่จะหมดลง จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนซื้อหาหรือบริโภคลิ้นจี่เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่ง
สำหรับปีนี้ปริมาณลิ้นจี่ที่ออกสู่ท้องตลาดลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ขณะเดียวกันยังพบว่าต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเก็บเกี่ยวที่มีค่าใช้จ่ายกิโลกรัมละ 4-5 บาท อีกทั้งลิ้นจี่ยังเป็นพืชที่ไม่สามารถบังคับให้ออกผลผลิตนอกฤดูกาลได้ ทำให้เริ่มมีเกษตรกรบางส่วนหันไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนคุมค่ากว่าแทนลิ้นจี่
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ได้พยายามให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ในการหาทางลดต้นทุนการผลิต อาทิ ตัดแต่งกิ่งเพื่อสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว หรือสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเพื่อเลี่ยงการเผาอีกด้วย