พะเยา - กรรมการ สพท.เขต 2 เมืองกว๊านพะเยา สวนนโยบายยุบโรงเรียนเล็ก ศธ.ยันมีมติไม่ยุบแม้แต่โรงเดียว เหตุหลายโรงเรียนผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนร่วมปลุกปั้น บริจาคที่ดินทรัพย์สินจนผูกพันยาวนาน พร้อมใช้วิธี “รวม” แทน และเปิดทาง “ครูใหญ่” พัฒนาการสอนให้ผ่านเกณฑ์
นายวัชระ ศรีคำตัน ประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 2กล่าวว่า ทาง กก.สพท.เขต 2 พะเยา ได้หารือกัน และมีมติพร้อมกับดำเนินการเรื่องการรวมโรงเรียนขนาดเล็กมา 2 ปีแล้ว แต่ไม่มีการยุบโรงเรียนตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายออกมา
โดย สพท.เขต 2 พะเยามีจำนวนโรงเรียนในความรับผิดชอบประมาณ 100 แห่ง หากต้องพิจารณาตามเกณฑ์ที่จะรวม คือโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 40 คน เข้าเกณฑ์ประมาณ 50-60 แห่ง กระจายอยู่ทั่วไปทั้งพื้นที่ราบ และบนที่สูง มาตรการที่ทาง สพท.2 ดำเนินการคือ ให้รวมโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 40 คน กับโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ไม่ยุบ โดยจะต้องมีการทำข้อตกลง หรือเอ็มโอยูร่วมกันระหว่างครูใหญ่ ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา ระบุข้อตกลงยินยอมไปเรียนร่วมกับโรงเรียนของรัฐใกล้เคียงกันที่มีความพร้อมมากกว่า เพื่อป้องกันปัญหาความลังเลที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง
ปธ.กก.สพท.เขต 2 กล่าวต่อว่า เมื่อโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์ต้องไปรวมกับโรงเรียนใกล้เคียง ทำเอ็มโอยู และไปรวมกับโรงเรียนอื่นเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าวันหนึ่งเมื่อมีจำนวนนักเรียนมากขึ้น ต้องการขอแยกกลับมาจัดการเรียนการสอน ณ โรงเรียนเดิมของตนก็สามารถกลับมาเรียนได้ดังเดิม เพราะโรงเรียนไม่ได้ถูกประกาศให้ยุบ
นายวัชระกล่าวอีกว่า แต่ในกรณีที่โรงเรียนมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 40 คน เข้าเกณฑ์ที่จะต้องรวมกับโรงเรียนอื่น แล้วครูใหญ่ไม่เห็นด้วย ครูใหญ่ต้องทำบันทึกข้อตกลงว่าจะมีแนวทาง หรือมาตรการพัฒนาคุณภาพด้านการศึกษา หรือจัดการเรียนการสอนให้ผ่านเกณฑ์การประเมินผลที่ได้กำหนดไว้ทุกระดับ หากผ่านก็ไม่ต้องรวมกับโรงเรียนอื่น
“เหตุผลสำคัญที่ไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็กสำหรับ สพท.เขต 2 พะเยา คือ บางโรงมีความเป็นมาที่ผูกพันกับชุมชน ด้วยผู้เฒ่าผู้แก่ หรือประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันบริจาคที่ดิน หรือบริจาคสิ่งของต่างๆ เพื่อทำนุบำรุง และก่อเกิดเป็นโรงเรียนในชุมชนแห่งนั้นขึ้นมา ต่อให้มีนักเรียนน้อยลงอย่างไรชุมชนก็ไม่อาจจะยอมให้ยุบได้ และอีกประการหนึ่งคือ เมื่อไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็กให้คงอยู่ดังเดิม ทางชุมชน และคณะกรรมการสถานศึกษาก็ต้องร่วมกันดูแลโรงเรียนไม่ให้เสื่อมสภาพ เพื่อวันหนึ่งในอนาคตเมื่อจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ลูกหลานจะกลับมาเรียนได้อีกครั้งหนึ่ง และสร้างความผูกพันกับชุมชนบ้านเกิดต่อไป” นายวัชระกล่าวย้ำ
นายวัชระ ศรีคำตัน ประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 2กล่าวว่า ทาง กก.สพท.เขต 2 พะเยา ได้หารือกัน และมีมติพร้อมกับดำเนินการเรื่องการรวมโรงเรียนขนาดเล็กมา 2 ปีแล้ว แต่ไม่มีการยุบโรงเรียนตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายออกมา
โดย สพท.เขต 2 พะเยามีจำนวนโรงเรียนในความรับผิดชอบประมาณ 100 แห่ง หากต้องพิจารณาตามเกณฑ์ที่จะรวม คือโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 40 คน เข้าเกณฑ์ประมาณ 50-60 แห่ง กระจายอยู่ทั่วไปทั้งพื้นที่ราบ และบนที่สูง มาตรการที่ทาง สพท.2 ดำเนินการคือ ให้รวมโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 40 คน กับโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ไม่ยุบ โดยจะต้องมีการทำข้อตกลง หรือเอ็มโอยูร่วมกันระหว่างครูใหญ่ ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา ระบุข้อตกลงยินยอมไปเรียนร่วมกับโรงเรียนของรัฐใกล้เคียงกันที่มีความพร้อมมากกว่า เพื่อป้องกันปัญหาความลังเลที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง
ปธ.กก.สพท.เขต 2 กล่าวต่อว่า เมื่อโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์ต้องไปรวมกับโรงเรียนใกล้เคียง ทำเอ็มโอยู และไปรวมกับโรงเรียนอื่นเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าวันหนึ่งเมื่อมีจำนวนนักเรียนมากขึ้น ต้องการขอแยกกลับมาจัดการเรียนการสอน ณ โรงเรียนเดิมของตนก็สามารถกลับมาเรียนได้ดังเดิม เพราะโรงเรียนไม่ได้ถูกประกาศให้ยุบ
นายวัชระกล่าวอีกว่า แต่ในกรณีที่โรงเรียนมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 40 คน เข้าเกณฑ์ที่จะต้องรวมกับโรงเรียนอื่น แล้วครูใหญ่ไม่เห็นด้วย ครูใหญ่ต้องทำบันทึกข้อตกลงว่าจะมีแนวทาง หรือมาตรการพัฒนาคุณภาพด้านการศึกษา หรือจัดการเรียนการสอนให้ผ่านเกณฑ์การประเมินผลที่ได้กำหนดไว้ทุกระดับ หากผ่านก็ไม่ต้องรวมกับโรงเรียนอื่น
“เหตุผลสำคัญที่ไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็กสำหรับ สพท.เขต 2 พะเยา คือ บางโรงมีความเป็นมาที่ผูกพันกับชุมชน ด้วยผู้เฒ่าผู้แก่ หรือประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันบริจาคที่ดิน หรือบริจาคสิ่งของต่างๆ เพื่อทำนุบำรุง และก่อเกิดเป็นโรงเรียนในชุมชนแห่งนั้นขึ้นมา ต่อให้มีนักเรียนน้อยลงอย่างไรชุมชนก็ไม่อาจจะยอมให้ยุบได้ และอีกประการหนึ่งคือ เมื่อไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็กให้คงอยู่ดังเดิม ทางชุมชน และคณะกรรมการสถานศึกษาก็ต้องร่วมกันดูแลโรงเรียนไม่ให้เสื่อมสภาพ เพื่อวันหนึ่งในอนาคตเมื่อจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ลูกหลานจะกลับมาเรียนได้อีกครั้งหนึ่ง และสร้างความผูกพันกับชุมชนบ้านเกิดต่อไป” นายวัชระกล่าวย้ำ
