ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” ทุ่ม 20 ล้านบาท ซ่อมแซมระบบไฟฟ้า หลังเกิดเหตุไฟไหม้จนต้องปิดบริการนานกว่า 1 เดือน สูญเสียรายได้ร่วม 10 ล้านบาท ล่าสุด พร้อมกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง 24 พ.ค. จัดโปรโมชันดึงนักท่องเที่ยวด้วยบัตรราคาพิเศษ 110 บาท พร้อมลุ้นรับไอโฟน 5 และสร้อยคอทองคำ ระหว่าง 24-26 พ.ค. เผยเตรียมลงทุนเพิ่มส่วนจัดแสดงพันธุ์ปลาหายาก สัญลักษณ์ทุกประเทศ AEC สร้างจุดขายใหม่ ไม่หวั่นแม้ถึงปัจจุบันขาดทุนสะสมแล้วกว่า 50 ล้านบาท
วันนี้ (22 พ.ค.) นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มารีนสเคป ประเทศไทย จำกัด ผู้บริหารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ห้องควบคุมระบบไฟฟ้าของเชียงใหม่ ซู อะควาเรียม เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อคืนวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ต้องปิดซ่อมแซมและปรับปรุงเป็นเวลากว่า 1 เดือนนั้น ขณะนี้ดำเนินการเสร็จแล้ว พร้อมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 24 พฤษภาคมเป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการฉลองการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ได้จัดโปรโมชันพิเศษระหว่างวันที่ 24-26 พฤษภาคม ด้วยบัตรเข้าชมราคาเดียว 110 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยบัตรทุกใบได้รับสิทธิจับรางวัลพิเศษไอโฟน 5 จำนวน 1 รางวัล สร้อยคอทองคำ 4 รางวัล รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อีกจำนวนมาก คาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
สำหรับการปิดให้บริการช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานั้น นอกจากการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าแล้ว ยังถือโอกาสปรับปรุงระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการพัฒนา และขยายส่วนจัดแสดงอื่นๆ ในอนาคตด้วย ซึ่งใช้งบประมาณร่วม 20 ล้านบาท โดยไฮไลต์เมื่อกลับมาเริ่มให้บริการอีกครั้ง จะเป็นการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหายากจากลุ่มน้ำอะเมซอน และการแสดงต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้ช่วงสงกรานต์ แต่ไม่ได้จัดแสดงเพราะเกิดไฟไหม้ก่อน
ขณะที่แผนการพัฒนา และจัดหาไฮไลต์ใหม่ๆ ได้เตรียมที่จะเพิ่มส่วนจัดแสดงพันธุ์ปลาหายาก ที่เป็นสัญลักษณ์ของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี เพื่อต้อนรับการเปิดเออีซีในปี 2558 ซึ่งอยู่ระหว่างการให้ทีมงานศึกษาเตรียมการ นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดหาพันธุ์สัตว์น้ำที่น่าสนใจมาจัดแสดงเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งการจัดหา “ฉลามขี้เซา” อีก 1 ตัว มาจับคู่กับตัวที่จัดแสดงอยู่แล้ว ซึ่งฉลามชนิดนี้เป็นฉลามขนาดใหญ่ มีความน่าสนใจพิเศษตรงที่ออกลูกเป็นตัว
ส่วนผลการดำเนินการที่ผ่านมาประมาณ 5 ปี ลงทุนไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งตามแผนบริหารจัดการเดิมคาดว่าน่าจะคุ้มทุนภายใน 7 ปี อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบมาโดยตลอด ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งเหตุไฟไหม้ที่เพิ่งเกิดขึ้น จนทำให้ต้องปิดบริการกว่า 1 เดือน เสียรายได้นับสิบล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยถึงปัจจุบันน่าจะมีตัวเลขขาดทุนสะสมรวมแล้ว 50-60 ล้านบาท แต่ทั้งนี้เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ยังคงมีความตั้งใจที่จะดำเนินการต่อไป เพราะนอกจากการหวังจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างชื่อเสียงให้เชียงใหม่แล้ว ยังเชื่อว่าด้วยจุดเด่นจากการที่เป็นอะควาเรียม ตั้งอยู่บนยอดดอย และมีความหลากหลายของพันธุ์สัตว์น้ำหายาก ทั้งน้ำจืด และน้ำเค็ม จะดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
นายนฤทัต กล่าวว่า ในอนาคตมีแผนจะทำการประชาสัมพันธ์ และทำการตลาดนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน และจีนให้มากขึ้น นอกเหนือจากตลาดหลักในปัจจุบัน เพื่อผลักดันยอดรายได้ให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมเฉลี่ยเพียงวันละประมาณ 500 คน ซึ่งยังน้อยกว่าจุดคุ้มทุนที่จะต้องมีรายได้จากการซื้อบัตรเข้าชมอย่างน้อย 1,500 คน หรือมีรายได้ปีละประมาณ 60 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมายภายในปีนี้น่าจะยาก เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคหลายอย่าง แต่จะพยายามทำให้ประสบผลสำเร็จให้ได้โดยเร็วที่สุด
