กลุ่มอนุรักษ์อุดรฯ ยื่นฟ้องศาลปกครอง สั่งเพิกถอนใบไต่สวนเขตเหมืองโปแตชมิชอบ

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีตบเท้ายื่นฟ้องศาลปกครอง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ขอศาลสั่งเพิกถอนรายงานการไต่สวนตามคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ใต้ดิน โครงการเหมืองแร่โปแตชของบริษัทเอพีพีซี ยันเป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

วันนี้ (10 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 พฤษภาคม ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีประมาณ 200 คนนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี 8 ชุดไปที่ศาลปกครองอุดรธานี เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแผนกคดีสิ่งแวดล้อม กรณีรายงานการไต่สวนตามคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ใต้ดิน เลขที่ 1/2547-4/2547 ของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) เป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลเพิกถอนรายงานดังกล่าว

ซึ่งตามคำฟ้องได้ระบุว่ามีนายเตียง ธรรมอินทร์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 12 ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 47 คน มอบอำนาจให้นางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความ ยื่นฟ้องผู้ถูกฟ้อง 8 ราย ประกอบด้วย กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี กำนันตำบลนาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม กำนันตำบลหนองขอนกว้าง อ.เมือง กำนันตำบลโนนสูง อ.เมือง กำนันตำบลหนองไผ่ อ.เมือง นายกเทศมนตรีเมืองโนนสูง-น้ำคำ อ.เมือง และกำนันตำบลห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม โดยเจ้าหน้าที่ศาลได้ตรวจสอบและลงทะเบียนรับเอกสารเป็นคดีหมายเลขดำที่ 2/2556

นายเตียง แกนนำกลุ่ม กล่าวว่า พื้นที่ตั้งโครงการเหมืองแร่โปแตซเป็นเขตสันปันน้ำ อยู่บนที่สูง มีเส้นทางน้ำ ทางสาธารณประโยชน์ แหล่งน้ำบาดาล แหล่งที่อยู่อาศัยของชุมชน และสถานที่ราชการ เช่น โรงเรียน วิทยาลัยเทคนิคกาญจนา ศูนย์รักษาโรคมะเร็ง วิทยาลัยพยาบาล และค่ายทหาร ที่จะได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง แต่เนื้อหาในใบไต่สวนหลบเลี่ยง และคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ใบไต่สวนเป็นเอกสารชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญในการนำไปประกอบการขออนุญาตประทานบัตร ซึ่งผู้ถูกฟ้องทั้งหมดได้จัดทำและลงชื่อรับรองในรายงานใบไต่สวนคำขอประทานบัตร โดยที่ข้อมูลไม่ถูกต้องตามสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่โครงการ จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากใบไต่สวนดังกล่าว และยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในครั้งนี้

นางสาว ส.รัตนมณี กล่าวว่า กรณีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นการต่อสู้ของชาวบ้าน โดยการใช้ช่องทางตามกระบวนการยุติธรรม ต่อไปก็ต้องรอฟังว่าศาลจะรับฟ้องคดีหรือไม่เพราะเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณา เนื่องจากมีการฟ้องศาลประเด็นเดียวกันที่ ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง โดยชาวบ้านที่คัดค้านเหมืองลิกไนต์ ซึ่งศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยให้เหตุผลว่ากระบวนการนี้ชาวบ้านยังไม่ได้รับผลกระทบจึงยังไม่มีสิทธิฟ้อง แต่การยื่นฟ้องของชาวบ้านที่อุดรธานีก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากบริษัทจะได้มาซึ่งใบอนุญาตประทานบัตรในวันข้างหน้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ชอบ และชาวบ้านได้ใช้สิทธิคัดค้านตามกฎหมายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว