ประจวบคีรีขันธ์ - สหภาพพม่า เปิดศูนย์ราชการ ทั้งตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร สำนักงานความมั่นคง ที่บ้านมูด่อง รองรับการเปิดด่านถาวรช่องสิงขร อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการค้าชายแดนของ 2 ประเทศ โดยทั้งไทย และพม่าจะทำการสำรวจแนวเขตแดนในช่วงปลายเดือนนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกันได้ก็จะนำไปสู่การประกาศเปิดจุดผ่อนปรนช่องสิงขรเป็นด่านถาวร
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่บริเวณศูนย์ราชการสหภาพพม่า บ้านมูด่อง ห่างจากชายแดนไทย-พม่า ฝั่งช่องด่านสิงขรประจวบคีรีขันธ์ 10 กิโลเมตร นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ณุวรรณา อนันตกิจไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร และหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบฯ อบต.คลองวาฬ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีในพิธีเปิดศูนย์ราชการสหภาพพม่า บ้านมูด่อง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร สำนักตำรวจ และทหาร ฯลฯ
ทั้งนี้ มีนายอูเมียด โก นายกรัฐมนตรีภาคตะนาวศรี พร้อมคณะรัฐมนตรี และอธิบดีกระทรวงต่างๆ ของภาคตะนาวศรี สหภาพพม่า ให้การต้อนรับคณะฝ่ายไทย พร้อมกันนั้นฝ่ายไทย และฝ่ายพม่ายังได้ร่วมประชุมแนวทางในการเดินทางเข้าออก ตลอดจนการลงทุนในด้านต่างๆ รวมไปถึงการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญในอนาคตหลังเปิดด่านถาวรช่องสิงขร จะทำให้การขนส่งสินค้าสัตว์น้ำจากเมืองมะริด ผ่านเมืองตะนาวศรี มายังบ้านมูด่อง และผ่านด่านสิงขร มุ่งหน้าสู่ภาคกลาง ซึ่งจะทำให้ประหยัด และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายแทนการไปขึ้นที่จังหวัดระนอง
นายกรัฐมนตรีภาคตะนาวศรี กล่าวว่า การเปิดศูนย์ราชการในวันนี้เพื่อรองรับในการเปิดด่านถาวรช่องสิงขรของฝั่งไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาการค้าชายแดนระหว่างไทยกับพม่า ทั้งการลงทุนทั้งด้านอุตสาหกรรม การค้า และการท่องเที่ยว และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะทั้งประธานาธิบดีของสหภาพพม่า และนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว
นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลของสหภาพพม่า ได้ตอบตกลงที่จะเดินทางมาร่วมสำรวจแนวเขตแดนกับไทยแล้ว โดย 2 ประเทศทั้งไทย และพม่ามีกำหนดเดินทางมาสำรวจในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งหากการสำรวจแล้วเสร็จ ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน หลังจากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 -2 เดือน ทางรัฐบาลไทยก็จะสามารถประกาศเปิดจุดผ่อนปรนช่องสิงขร เป็นด่านถาวรได้ทันที ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งไทย และพม่า