ศูนย์ข่าวศรีราชา - ส.ว.ชลบุรี หนุนแบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน หวังช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ส่งออกให้อยู่รอดได้ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการป้องกันการเข้ามาเก็งกำไรจากค่าเงินของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เผยแม้ค่าเงินบาทแข็งแต่ผู้ประกอบการใหญ่ใน จ.ชลบุรี โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยอดความต้องการยังมีสูง
วันนี้ (1 พ.ค.) นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นยังไม่ส่งผลต่อภาคแรงงานในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจังหวัด ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เพราะความต้องการผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ในตลาดโลกยังคงมีอยู่สูง ทำให้ผู้ประกอบการยังมีขีดความสามารถในการส่งออก ไม่จำเป็นต้องปลดพนักงาน แต่กลุ่มที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ที่กำลังได้รับผลกระทบทั้งจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท อำนาจต่อรองต่ำ จนไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการส่งออก ที่ไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ และหากยังเป็นเช่นนี้ ในอนาคตก็จะเห็นภาพการปิดตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงการลอยแพพนักงาน
“ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น 4.5-5% แม้จะยังไม่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร การเข้ามาเก็งกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากค่าเงินของไทยก็จะมีมากขึ้น และวิกฤตทางเศรษฐกิจของไทยก็อาจเกิดขึ้นเช่นเดียวกับปี 2540”
นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วสนับสนุนให้ ธปท. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน เพราะนอกจากจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยได้แล้ว ยังลดการเข้ามาแสวงหาผลกำไรจากค่าเงินของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่สำคัญยังเป็นการชะลอไม่ให้เกิดการปลดพนักงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ค่าเงินบาทแข็งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และการผลิตของไทยบางส่วน แต่ข้อดีก็ยังมีคือ การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่มีค่าใช้จ่ายลดลง