xs
xsm
sm
md
lg

มท.1 สั่งตั้งกรรมการสอบหาสาเหตุสะพานมรณะถล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พระนครศรีอยุธยา - รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ดูที่เกิดเหตุสะพานมรณะถล่ม พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบเหตุสะพาน 200 ปีถล่มภายใน 15 วัน ชาวบ้านเผยมีสัญญาณเตือนภัยก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตนิมนต์พระมาสวดเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (29 เม.ย.) ที่บริเวณที่เกิดเหตุสะพานรัตนโกสินทร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “สะพาน 200 ปี” ถล่ม ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำป่าสักของชาวบ้านระหว่างหมู่ 5 และหมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยมีนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรยายสรุปกรณีสะพานพังถล่ม ซึ่งสะพานแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา การก่อสร้างสะพานเพื่อสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ให้ประชาชนได้ใช้สัญจรด้วยการเดิน และจักรยานยนต์ข้าม มีขนาดกว้าง 2.2 เมตร ความยาว 110 เมตร ตามแบบแปลนของกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 16 ก.ค.55 ใช้งบประมาณ 8,290,000 บาท ผู้รับจ้างบริษัทดีไนซ์ (2009) จำกัด ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 4 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 2 ราย ผู้บาดเจ็บรวมทั้งหมด 12 ราย รถจักรยานยนต์ที่ตกจากสะพาน จำนวน 10 คัน

นายจารุพงศ์ เปิดเผยว่า ได้ดูที่เกิดเหตุรู้สึกตกใจเพราะเห็นว่าความสูงของสะพานถึงลำคลองกว่า 9 เมตร โดยทางราชการจะทำการช่วยเหลือตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 25,000 บาท ตนได้มอบเงินส่วนตัวให้อีกรายละ 2,000 บาท

ส่วนผู้บาดเจ็บเบื้องต้นจะได้รับรายละ 3,000 บาทก่อน โดยได้มอบให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ตรวจสอบรายละเอียด เกี่ยวกับประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับให้มากที่สุด หากผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์คงจะได้เงินจาก พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์จะนำปัญหาเรื่องสะพานแขวนไปประชุมผู้ว่าทั่วประเทศให้สำรวจตรวจสอบสะพานแขวนต่างๆ ที่มีอยู่ต้องมีความมั่นคง และปลอดภัย ถือว่าจุดนี้เป็นบทเรียนที่ทุกจังหวัดต้องนำไปคิดแก้ไขภายใน 2-3 วัน เจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องเก็บหลักฐานให้ชัดเจนและต้องรีบแก้ไขปัญหา อาจจะต้องรื้อสะพานนี้ออกแล้วสร้างขึ้นใหม่เพื่อความสะดวกในการสัญจรของประชาชน
 
และทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเกิดเหตุ โดยมีอัยการจังหวัดเป็นประธาน ผู้บังคับการตำรวจ ปลัดจังหวัด ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน ผู้อำนวยการแขวงการทางอยุธยา ผู้อำนวยการทางลวงชนบท ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค เป็นกรรมการ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้เสร็จภายใน 15 วัน

“โดยในวันนี้ได้รับความร่วมมือจาก พล.ต.สู่ชัย บุญรัตน์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสระบุรี นำกำลังทหารจากศูนย์การทหารม้า และกำลังสารวัตรทหารจากจังหวัดสระบุรีจำนวน 100 นาย มาร่วมกับโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยกู้ภัยอยุธยา ทำการเก็บซากแผ่นปูนของสะพานที่หักพังลงไปในแม่น้ำ เพื่อการสัญจรทางน้ำได้ไปมาสะดวก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

ด้านนางปราณี คงวิชัย อายุ 47 ปี ชาวบ้านที่ใช้สัญจรสะพานเล่าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน มีคนขับรถยนต์กระบะข้ามสะพานไปแล้วทำให้สะพานเอียง และยังมีขบวนแห่นาคแห่ข้ามสะพานมีคนจำนวนมากอยู่ในขบวน ทำให้สะพานแตกลั่นต่างคนต่างหนีข้ามสะพาน สะพานได้เอียงประมาณ 30 เซนติเมตร ได้มีการปิดซ่อมไปแล้ว และเมื่อวันที่ 26 เม.ย. สะพานเกิดการทรุดตัวอีกครั้ง จนมาเกิดเหตุสะพานถล่มจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สะพานเดิมที่เป็นสะพานเหล็กดีอยู่แข็งแรงมีตอม่อรองรับอย่างดี

นางสุวัน สายสมุทร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เดิมสะพานมีตอม่อปูด้วยแผ่นเหล็ก มาระยะหลังตอม่อเกิดชำรุด เรือที่ลอดสะพานชนเสาบ่อยครั้ง ประกอบกับมีเหล็กบางส่วนผุจึงได้มีการปรับปรุงขึ้นใหม่เป็นสะพานแขวนเมือปีที่ผ่านมา ก่อนหน้าจะเกิดเหตุประมาณ 1 อาทิตย์ เมื่อผ่านไปมารู้สึกสะพานมันเทเอียง ตนได้ขับรถจักรยานยนต์ข้ามสะพานยิ่งรู้สึกว่ามันเอียงมาก จึงได้แจ้งไปที่เทศบาลด้วยวาจาได้มีการมาตรวจสอบ โดยทางเทศบาลมีการเตรียมทำป้ายเพื่อปิดสะพานไม่ให้รถวิ่งผ่าน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการสะพานเกิดพังลงก่อน

“ไม่รู้ว่าสาเหตุมันจากการรับน้ำหนักมาก หรือมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างหรือเปล่า ต้องรอฟังผลคณะกรรมการของจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง สะพานนี้ประชาชนสัญจรเฉลี่ยวันละประมาณ 5,000 คน เป็นชุมชนใหญ่ และมีตลาดนัดอยู่เป็นประจำ ดีที่วันเกิดเหตุมีรถพ่วงจอดขวางทางข้ามสะพานอยู่ทำให้รถ จยย.ผ่านไปมาไม่สะดวกต้องรอให้รถวิ่งผ่านหากไม่มีรถพ่วงขวางเชื่อว่าจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้”

ด้านที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ญาติผู้เสียชีวิตได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป มาทำพิธีบังสุกุลและสวดเรียกวิญาณกลับบ้านตามประเพณีทางศาสนา





กำลังโหลดความคิดเห็น