บุรีรัมย์ - ชาวบุรีรัมย์และเครือข่ายปกป้องแผ่นดินไทยฯ เฝ้าติดตามชมการถ่ายทอดกัมพูชาแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร พร้อมค้านไม่เห็นด้วยให้ศาลโลกตัดสินคดี ควรให้ 2 ประเทศเจรจากันเอง หวั่นหากตัดสินให้ใดฝ่ายแพ้ชนะนำไปสู่การเกิดสงคราม ลั่นปชช.พร้อมลุกฮือปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยถึงที่สุด
วันนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก จ.บุรีรัมย์ นำโดยนางสำเนียง สุภัณพจน์ กรรมการเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นไทยอีสานใต้-ตะวันออก จ.บุรีรัมย์ ได้เฝ้าติดตามชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ การให้การทางวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ของฝ่ายกัมพูชาเป็นวันแรก
ทั้งนี้ เพื่อต้องการทราบรายละเอียดข้อมูลการต่อสู้คดีของฝ่ายกัมพูชาที่ได้แถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกเป็นวันแรกก่อนฝ่ายไทย ซึ่งประชาชนและเครือข่ายปกป้องแผ่นดินไทยฯ ที่มาเฝ้าติดตามชมการถ่ายทอด ต่างระบุตรงกันว่า ถ้อยแถลงของรองนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในหลายประเด็น อาทิ การกล่าวหาว่าไทยไม่ยอมถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทตามข้อตกลง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วทหารของกัมพูชาที่เป็นฝ่ายตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่มากกว่า และพยายามให้ประชาชนชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยด้วย
นางสำเนียง สุภัณพจน์ กรรมการเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ศาลโลกจะเข้ามาตัดสินคดีพิพาทประสาทพระวิหาร ควรปล่อยให้ทั้ง 2 ประเทศ ตกลงเจรจาหาทางออกกันจะดีกว่า เพราะศาลโลกไม่ได้เข้าไปดูสภาพพื้นที่จริง เพียงแค่รับทราบจากเอกสารหรือถ้อยคำเท่านั้น จึงเกรงว่าหากศาลโลกตัดสินให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะหรือแพ้ นอกจากจะถูกมองว่าไม่เป็นธรรมแล้วยังจะก่อให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศอีกด้วย
นางสำเนียงกล่าวอีกว่า ท้ายที่สุดไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร ตนพร้อมเครือข่ายฯจากหลายจังหวัด ก็จะพร้อมใจกันปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ โดยจะเข้าไปปักหลักทำกินในพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว เพื่อไม่ให้กัมพูชาเข้ามายึดครอง ทั้งนี้ในวันที่ 17 เม.ย.เครือข่ายฯ จากหลายจังหวัด จะเดินทางไปรวมตัวกันที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อขึ้นไปปักธงชาติไทยในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเขตแดนดังกล่าวเป็นของไทย
ด้านนายเสฎฐวุฒิ ชมพูพงษ์ เครือข่ายและอาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การแถลงด้วยวาจาคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลกในครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนตัวรู้สึกกังวลเพราะที่ผ่านมาตัวแทนรัฐบาลไทย ที่เดินทางไปร่วมแถลงถ้อยคำต่อศาลโลกไม่เคยแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นฝ่ายได้เปรียบหรือชนะคดี
“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผลการตัดสินออกมาเป็นเช่นไร ผมและคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินก็พร้อมจะลุกขึ้นต่อสู้ปกป้องอธิปไตยของชาติไทยจนถึงที่สุด” นายเสฎฐวุฒิกล่าว