ลำปาง - เปิดใจ “ปราณี อินปัญโญ” ผู้เป็นแม่ของ 1 ใน 2 เด็กหญิงที่ป่วยเรื้อรังมาตั้งแต่เกิด กลับถูก ผญบ.เรียกประชุมลูกบ้าน พยายามขอมติประชาคมขับพ้นหมู่บ้าน ยืนยันเดือดร้อนจริง เสียพ่อเพราะซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไปแล้ว พร้อมสู้เพื่อให้ลูกหาย แต่รับกลัวถูกชาวบ้านเกลียด
วันนี้ (9 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลำปางว่า หลังจากที่มีการนำคลิปที่ชาวบ้านหมู่บ้านสบจาง หมู่ 6 ต.นาสัก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง แอบถ่ายการประชุมหมู่บ้านเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนางพรรณวิไล จันมะโน ผู้ใหญ่บ้านสบจาง เป็นผู้เรียกประชุมเพื่อให้ชาวบ้านลงประชามติลงโทษทางสังคม และพยายามขอมติขับไล่นางปราณี อินปัญโญ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 6 ต.นาสัก ลูกบ้านที่ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของลูกสาว และร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ออกจากหมู่บ้าน ตามที่เสนอผ่านสื่อมวลชนนั้น
คลิกเพื่อชมคลิป:
นางปราณีกล่าวว่า วันที่มีการประชุมตนไม่ทราบล่วงหน้า แต่ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เดินทางไปกรุงเทพฯ พร้อมกับเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามคดีเกี่ยวกับค่าชดเชยที่ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งให้ กฟผ.ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ที่เจ็บป่วยจากสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เมื่อปี 2535 แต่ กฟผ.ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเรื่องยังอยู่ที่ศาลปกครองสูงสุดนั้น นางพรรณวิไลได้โทรศัพท์ไปต่อว่าตน พร้อมกับระบุว่าหากกลับมาจะทำประชาคมเพื่อให้ชาวบ้านขับออกจากหมู่บ้านเนื่องจากสร้างความเสียหายให้หมู่บ้าน แต่ตนบอกว่าการที่เดินทางมากรุงเทพฯ ก็เพราะต้องการมาติดตามเรื่องค่าชดเชยของบิดาเท่านั้น
หลังจากกลับมาถึงบ้านสบจางแล้วก็ไม่ทราบเรื่องว่าผู้ใหญ่บ้านจะเรียกประชุมเมื่อไหร่ แต่ก็มีความกังวลมาตลอด จนกระทั่งเช้าวันที่ 6 เมษายน ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายเวลาประมาณ 07.00 น. เรียกประชุมเวลา 08.00 น. ตนจึงไม่สามารถเข้าร่วมฟังได้เนื่องจากมีอาชีพนำอาหารบรรทุกรถจักรยานยนต์ไปตระเวนขายตามหมู่บ้าน ซึ่งต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด ขณะเดียวกันมารดาก็ไปวัดกลับมาบ้านเลยเวลาที่มีการประชุมไปแล้วจึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อประชุมเสร็จมีเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านพูดถึงตนในที่ประชุม ซึ่งยอมรับว่ากลัวถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน แต่ก็ยืนยันว่าการที่ออกมาร้องขอความช่วยเหลือนั้นเนื่องจากตนและครอบครัว โดยเฉพาะลูกได้รับความเดือดร้อนจริงโดยที่ไม่มีใครมาช่วยเหลือ ตนต้องการย้ายออกจากที่นี่เนื่องจากอยากให้ลูกหายจากอาการเจ็บป่วย แต่ก็ไม่มีเงินเนื่องจากต้องพาลูกไปหาหมอในตัวเมืองเป็นประจำ ต้องมีค่าใช้จ่ายตลอด
สำหรับกรณีที่ผู้ใหญ่บ้านระบุว่าตนไหว้วานให้ไปขอเงินจาก กฟผ.นั้นขอปฏิเสธ แต่ก่อนหน้านั้นได้ขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปช่วยพูดกับ กฟผ.เพื่อขอให้ย้ายครอบครัวของตนไปอยู่ที่อื่นจริง ส่วนเงินกว่า 2 แสนบาทนั้นเป็นเงินที่ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งให้ กฟผ.จ่ายชดเชยให้บิดา ซึ่งเป็นผู้ป่วยและได้เสียชีวิตแล้ว แต่ กฟผ.อุทธรณ์ จึงต้องไปติดตามเรื่องตามสิทธิของตนเท่านั้น
เมื่อถามว่าตอนนี้กังวลอะไรบ้าง นางปราณีกล่าวว่า กลัวถูกเพื่อนบ้านขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และกลัวเพื่อนบ้านเกลียดชังเนื่องจากมองว่าตนเป็นคนที่ทำให้หมู่บ้านเสียหาย ซึ่งขอร้องผู้สื่อข่าวว่าอย่าได้ทอดทิ้งตนกับครอบครัว เพราะตนเองกลัว เช่นเดียวกับคนในหมู่บ้านที่ไม่กล้าออกมาบอกความจริงให้สังคมได้รับรู้
“วันนี้พร้อมที่จะสู้ แม้จะมีเพียงคนเดียวก็ตาม เพราะสงสารลูกที่เจ็บป่วยอยู่ในขณะนี้”