พระนครศรีอยุธยา - ชาวนาพระนครศรีอยุธยาเครียดหนัก นาข้าวที่ใกล้ได้ผลผลิตหลายพันไร่กำลังรอวันยืนต้นตาย หลังขาดน้ำทำนา ด้านผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา บอกเคยเตือนชาวนาแล้วแต่กลับไม่ฟัง
วันนี้ (2 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สภาพนาข้าวในพื้นที่ทุ่งหันสังห์ ต.หันสังห์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังไดรับผลกระทบจากอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงน้ำตามแหล่งน้ำที่เริ่มไม่เพียงพอต่อการเกษตร ส่งผลให้เกษตรกรที่ต้องใช้น้ำจากคลองไปทำนาไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังเติบโตจำนวนหลายพันไร่ที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเศษๆ ก็จะทำการเก็บเกี่ยว ทำให้เกษตรกรที่ทำนาต้องเกิดความเครียดหนักเนื่องจากกลัวว่าต้นข้าวที่กำลังรอวันเก็บเกี่ยวในอีกไม่นาจะยืนตันตาย ขณะที่ชาวนาบางรายต้องหันพึ่งตนเองด้วยการสูบน้ำจากแหล่งต่างๆ เข้านาเพื่อความอยู่รอดของต้นข้าว
นายบุญยืน มะโนแจ่ม อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 80 ม.1 ต.หันสังห์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้ข้าวในนาของตนซึ่งมีอยู่กว่า 50 ไร่ กำลังรอวันเก็บเกี่ยวในอีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า แต่ปัญหาขณะนี้คือ ขาดน้ำที่จะทำนา เนื่องจากคลองชลประทานน้ำแห้ง ทางออกของตนก็คือ ต้องตั้งเครื่องสูบน้ำจากบ่อต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับทุ่งนาเข้านา แต่น้ำก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากเมื่อสูบน้ำไปเรื่อยๆ น้ำในบ่อเกิดหมด ทำให้ต้องย้ายไปหาแหล่งน้ำใหม่เพื่อนำมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่พบว่าตอนนี้พื้นที่นาข้าวแห้งหมดแล้ว
“คาดว่าปีนี้คงได้ราคาข้าวไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากน้ำที่ขาดในช่วงนี้ส่งผลให้เมล็ดข้าวจะไม่เต็มเม็ดเพราะขาดน้ำ แต่ก็ผมก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำก็จะไม่มีรายได้” นายบุญยืนกล่าว
ด้านนายไมตรี ปิตินานนท์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ทางกรมชลประทานได้ประกาศเตือนให้เกษตรกรที่จะทำนาปรัง หรือทำนาครั้งที่ 2 ให้หยุดทำไปแล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำจากเขื่อนต่างๆ ที่จะส่งมายังภาคกลางต้นทุนของน้ำมีปริมาณน้อย ไม่สามารถจะระบายส่งเข้าคูคลองในพื้นที่ชลประทานของจังหวัดต่างๆ จากท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้ เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
“จะเห็นว่านาข้าวหลายแห่งเริ่มยืนต้นตาย แต่มีเกษตรกรในพื้นที่ อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง อ.ภาชี และ อ.อุทัย บางส่วนยังเสี่ยงทำนาครั้งที่ 2 มีพื้นที่ทำนาไปกว่า 1 แสนไร่ ช่วงนี้หากไม่มีฝนตกลงมาต้นข้าวที่ปลูกไว้มีผลกระทบแน่นนอน ซึ่งทางเราได้แนะนำอยู่ตลอดเวลา แต่ชาวนาบางส่วนก็ไม่เชื่อ ส่วนการที่จะสูบน้ำจากแม่น้ำลพบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปเลี้ยงต้นข้าวนั้น จะเป็นการไม่คุ้มกับการลงทุน” ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยากล่าว