กาญจนบุรี - รองปลัด ก.พาณิชย์ ชมนักธุรกิจภาคเอกชนกาญจน์-ทวายลงนาม MOU สานสัมพันธ์ผลักดันรัฐบาลเร่งเปิดด่านบ้านพุน้ำร้อน เมืองกาญจนบุรี เป็น “ด่านผ่านแดนถาวร” รองรับ AEC ด้านประธานอุตสาหกรรมกาญจน์ เผยนักธุรกิจหลายกลุ่มเริ่มเข้าศึกษาในพื้นที่เพื่อลงทุน คาดในอีก 2 ปีข้างหน้าเม็ดเงินลงทุนเริ่มต้นมากกว่า 1 พันล้านบาท
วันนี้ (1 เม.ย ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล สระวาสี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มี.ค.56 ที่บริเวณห้องประชุมบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เขตติดต่อชายแดนไทย-พม่า หมู่ 12 บ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ระหว่างร่วมรับฟังความคิดเห็นของนักธุรกิจจังหวัดกาญจนบุรี และนักธุรกิจจากประเทศพม่าว่า สำหรับด่านพุน้ำร้อนแห่งนี้ปัจจุบันยังไม่ได้เปิดเป็นด่านถาวร อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ ในส่วนการก่อสร้างเกี่ยวกับเส้นทางการจราจรฝั่งประเทศของเราอีกไม่นานก็คงจะแล้วเสร็จ ติดอยู่ที่ทางฝั่งพม่าที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการก่อสร้าง
“เท่าที่ดูจากสายตาพบว่าฝั่งเราพร้อมมากกว่า และหากทางฝั่งประเทศพม่า โดยเฉพาะเมืองทวายที่เป็นจุดสร้างโครงการท่าเรือน้ำลึก หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จเต็มโครงการเมื่อไหร่จะเป็นด่านถาวรที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคอาเซียน และของโลก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็มีงานที่เกี่ยวกับการค้าชายแดนที่ต้องรับผิดชอบอยู่ และนักธุรกิจของจังหวัดกาญจนบุรี และนักธุรกิจของประเทศพม่าก็ได้พยายามเชื่อมความสัมพันธ์กันมาอย่างต่อเนื่อง มีการไปมาหาสู่ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ สำหรับโครงการท่าเรือทวายนำลึกถือว่าเป็นโครงการที่ใหญ่มาก หากทำสำเร็จเชื่อว่าทั่วโลกต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก”
นายนพดล กล่าวต่อว่า สำหรับกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการค้าชายแดน ซึ่งเราเองก็ต้องการ และพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากอีก 2 ปีข้างหน้าก็จะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) กระทรวงพาณิชย์เป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของประชาคมอาเซียน เราก็ได้ดำเนินการมาโดยตลอดโดยเฉพาะการลงทุน ส่วนการค้าด้านชายแดนเป็นหน้าที่ของกรมการค้าระหว่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าเรื่องการเปิดด่านในแต่ละจุดนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องมีความพร้อมด้วยกันทั้ง 2 ประเทศ ฝ่ายเขาพร้อมเราพร้อมก็สามารถเปิดได้ แต่ถ้าหากประเทศหนึ่งประเทศใดไม่พร้อมก็ไม่สามารถเปิดด่านได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วประเทศไทยของเราก็พร้อมอยู่เสมอ และถ้าหากว่าวันหนึ่งวันใดโครงการท่าเรือน้ำลึก หรือโครงการทวายโปรเจกต์ ก่อสร้างได้สำเร็จเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ เชื่อได้เลยว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในแต่ละวันเป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาต้องขอชมเชยนักธุรกิจภาคเอกชนของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้พยายามเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับนักธุรกิจชาวพม่ามาอย่างต่อเนื่องในห้วงหลายปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน
ด้านนายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี และหอการค้ากาญจนบุรี นายคิน หม่อง เอ (Mr.Khin Maung Aye) ประธานหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมตะนาวศรี จังหวัดทวาย ประเทศพม่า มีประธานหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจากทวย ได้เดินทางร่วมลงนาม MOU ทำข้อตกลงร่วมกันที่จะช่วยกันผลักดันให้รัฐบาลของแต่ละประเทศ เร่งดำเนินการผลักดันเปิดด่านชายแดนถาวร บริเวณบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รองรับโครงการทวายโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ครั้งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเรารอคอยสิ่งนี้มาอย่างยาวนาน เราเองได้เดินทางไปเยี่ยม และพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มนักธุรกิจของประเทศพม่ามาแล้วหลายครั้ง จึงได้ถือโอกาสเชิญนักธุรกิจของจังหวัดทวาย ประเทศพม่ามาเยี่ยมเยือนนักธุรกิจของเราบ้าง
วัตถุประสงค์ของเราคือ สร้างความสันพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจระดับท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป อีกทั้งเรายังได้นำสินค้าต่างๆ ที่เรามีมาจัดแสดงให้เขาดูเพื่อที่จะให้รู้ว่าสินค้าของเรามีอะไรบ้าง เพื่อให้เห็นว่าเราจะมีการซื้อขานสินค้ากันอย่างไร จะมีการลงทุนในอนาคตอย่างไร และวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการอยากให้รัฐบาลของตนเองเร่งรัดในการเปิดด่านอย่างถาวรให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้กิจกรรมในเชิงของเศรษฐกิจ และกิจกรรมในเชิงความสัมพันธ์ได้บรรลุเป็นรูปธรรมให้เร็วยิ่งขึ้น นี่คือวัตถุประสงค์หลัก
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับพม่าในอนาคต คิดว่าปัจจุบันหากทั้ง 2 ประเทศมีการเริ่มต้นด้านการลงทุน และกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเตรียมตัวรองรับการเปิดด่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีก 2 ปีข้างหน้าประเทศอาเซียนของเราก็จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงมองว่าทั้ง 2 ประเทศ และ 2 จังหวัดระหว่างจังหวัดกาญจนบุรี และทวาย จะมีการยกระดับการลงทุนที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับราคาที่ดินของทั้ง 2 ฝั่งประเทศ มีการขยับราคาที่สูงขึ้นมาก ซึ่งผู้ที่เข้ามาลงทุนด้านที่ดินส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจากต่างจังหวัด และชาวต่างชาติ อีกทั้งนักธุรกิจของพม่าเองก็ให้ความสนใจที่ดินในฝั่งจังหวัดกาญจนบุรีเช่นกัน ที่ผ่านมา มีการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินอยู่ตลอดเวลา โดยเขาสนใจที่จะมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจด้านอุตสากรรมยังฝั่งไทย ซึ่งนักธุรกิจของเราเองก็สนใจเรื่องที่ดินฝั่งทวายเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับระเบียบ และนโยบายในการลงทุนหลายๆ ธุรกิจก็มาศึกษาระเบียบในการสร้างโรงงาน เช่น การสร้างคลังสินค้า การปลูกพืชเพื่อทำธุรกิจภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างต่างๆ
สำหรับเม็ดเงินลงทุนคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีเงินหมุนเวียนเพื่อลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ด่านพุน้ำร้อน ยังไม่สามารถเปิดได้ และยังเป็นเพียงแค่ด่านชั่วคราวที่เปิดใช้สำหรับการก่อสร้างเป็นหลัก
แต่ถ้าหากนักธุรกิจท่านใดต้องการเดินทางเข้าไปดูสถานที่ยังฝั่งพม่า ทางจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดก็สามารถพิจารณาอนุญาตให้ผ่านไปได้ หรือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ผ่านสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี หรือหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าไปเชื่อมความสัมพันธ์ต่อกันได้เช่นกัน และถ้าหากมีการผลักดันให้เกิดการเปิดด่านถาวรได้โดยเร็ว เชื่อว่าจะมีการลงทุน และเศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
“เพราะจากการพูดคุยกับนักธุรกิจชาวพม่าเองเขาก็ต้องการให้มีการเปิดด่านถาวรโดยเร็วเช่นกัน เพราะเขาต้องการใช้เส้นทางนี้ในการสั่งซื้อสินค้าด้านการเกษตรจากไทย ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่เร็วขึ้น อีกทั้งยังทำให้ลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้เป็นอย่างมากอีกด้วย” นายสรรเพชญกล่าว
วันนี้ (1 เม.ย ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล สระวาสี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มี.ค.56 ที่บริเวณห้องประชุมบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เขตติดต่อชายแดนไทย-พม่า หมู่ 12 บ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ระหว่างร่วมรับฟังความคิดเห็นของนักธุรกิจจังหวัดกาญจนบุรี และนักธุรกิจจากประเทศพม่าว่า สำหรับด่านพุน้ำร้อนแห่งนี้ปัจจุบันยังไม่ได้เปิดเป็นด่านถาวร อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ ในส่วนการก่อสร้างเกี่ยวกับเส้นทางการจราจรฝั่งประเทศของเราอีกไม่นานก็คงจะแล้วเสร็จ ติดอยู่ที่ทางฝั่งพม่าที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการก่อสร้าง
“เท่าที่ดูจากสายตาพบว่าฝั่งเราพร้อมมากกว่า และหากทางฝั่งประเทศพม่า โดยเฉพาะเมืองทวายที่เป็นจุดสร้างโครงการท่าเรือน้ำลึก หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จเต็มโครงการเมื่อไหร่จะเป็นด่านถาวรที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคอาเซียน และของโลก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็มีงานที่เกี่ยวกับการค้าชายแดนที่ต้องรับผิดชอบอยู่ และนักธุรกิจของจังหวัดกาญจนบุรี และนักธุรกิจของประเทศพม่าก็ได้พยายามเชื่อมความสัมพันธ์กันมาอย่างต่อเนื่อง มีการไปมาหาสู่ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ สำหรับโครงการท่าเรือทวายนำลึกถือว่าเป็นโครงการที่ใหญ่มาก หากทำสำเร็จเชื่อว่าทั่วโลกต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก”
นายนพดล กล่าวต่อว่า สำหรับกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการค้าชายแดน ซึ่งเราเองก็ต้องการ และพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากอีก 2 ปีข้างหน้าก็จะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) กระทรวงพาณิชย์เป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของประชาคมอาเซียน เราก็ได้ดำเนินการมาโดยตลอดโดยเฉพาะการลงทุน ส่วนการค้าด้านชายแดนเป็นหน้าที่ของกรมการค้าระหว่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าเรื่องการเปิดด่านในแต่ละจุดนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องมีความพร้อมด้วยกันทั้ง 2 ประเทศ ฝ่ายเขาพร้อมเราพร้อมก็สามารถเปิดได้ แต่ถ้าหากประเทศหนึ่งประเทศใดไม่พร้อมก็ไม่สามารถเปิดด่านได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วประเทศไทยของเราก็พร้อมอยู่เสมอ และถ้าหากว่าวันหนึ่งวันใดโครงการท่าเรือน้ำลึก หรือโครงการทวายโปรเจกต์ ก่อสร้างได้สำเร็จเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ เชื่อได้เลยว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในแต่ละวันเป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาต้องขอชมเชยนักธุรกิจภาคเอกชนของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้พยายามเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับนักธุรกิจชาวพม่ามาอย่างต่อเนื่องในห้วงหลายปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน
ด้านนายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี และหอการค้ากาญจนบุรี นายคิน หม่อง เอ (Mr.Khin Maung Aye) ประธานหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมตะนาวศรี จังหวัดทวาย ประเทศพม่า มีประธานหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจากทวย ได้เดินทางร่วมลงนาม MOU ทำข้อตกลงร่วมกันที่จะช่วยกันผลักดันให้รัฐบาลของแต่ละประเทศ เร่งดำเนินการผลักดันเปิดด่านชายแดนถาวร บริเวณบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รองรับโครงการทวายโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ครั้งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเรารอคอยสิ่งนี้มาอย่างยาวนาน เราเองได้เดินทางไปเยี่ยม และพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มนักธุรกิจของประเทศพม่ามาแล้วหลายครั้ง จึงได้ถือโอกาสเชิญนักธุรกิจของจังหวัดทวาย ประเทศพม่ามาเยี่ยมเยือนนักธุรกิจของเราบ้าง
วัตถุประสงค์ของเราคือ สร้างความสันพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจระดับท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป อีกทั้งเรายังได้นำสินค้าต่างๆ ที่เรามีมาจัดแสดงให้เขาดูเพื่อที่จะให้รู้ว่าสินค้าของเรามีอะไรบ้าง เพื่อให้เห็นว่าเราจะมีการซื้อขานสินค้ากันอย่างไร จะมีการลงทุนในอนาคตอย่างไร และวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการอยากให้รัฐบาลของตนเองเร่งรัดในการเปิดด่านอย่างถาวรให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้กิจกรรมในเชิงของเศรษฐกิจ และกิจกรรมในเชิงความสัมพันธ์ได้บรรลุเป็นรูปธรรมให้เร็วยิ่งขึ้น นี่คือวัตถุประสงค์หลัก
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับพม่าในอนาคต คิดว่าปัจจุบันหากทั้ง 2 ประเทศมีการเริ่มต้นด้านการลงทุน และกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเตรียมตัวรองรับการเปิดด่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีก 2 ปีข้างหน้าประเทศอาเซียนของเราก็จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงมองว่าทั้ง 2 ประเทศ และ 2 จังหวัดระหว่างจังหวัดกาญจนบุรี และทวาย จะมีการยกระดับการลงทุนที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับราคาที่ดินของทั้ง 2 ฝั่งประเทศ มีการขยับราคาที่สูงขึ้นมาก ซึ่งผู้ที่เข้ามาลงทุนด้านที่ดินส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจากต่างจังหวัด และชาวต่างชาติ อีกทั้งนักธุรกิจของพม่าเองก็ให้ความสนใจที่ดินในฝั่งจังหวัดกาญจนบุรีเช่นกัน ที่ผ่านมา มีการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินอยู่ตลอดเวลา โดยเขาสนใจที่จะมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจด้านอุตสากรรมยังฝั่งไทย ซึ่งนักธุรกิจของเราเองก็สนใจเรื่องที่ดินฝั่งทวายเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับระเบียบ และนโยบายในการลงทุนหลายๆ ธุรกิจก็มาศึกษาระเบียบในการสร้างโรงงาน เช่น การสร้างคลังสินค้า การปลูกพืชเพื่อทำธุรกิจภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างต่างๆ
สำหรับเม็ดเงินลงทุนคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีเงินหมุนเวียนเพื่อลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ด่านพุน้ำร้อน ยังไม่สามารถเปิดได้ และยังเป็นเพียงแค่ด่านชั่วคราวที่เปิดใช้สำหรับการก่อสร้างเป็นหลัก
แต่ถ้าหากนักธุรกิจท่านใดต้องการเดินทางเข้าไปดูสถานที่ยังฝั่งพม่า ทางจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดก็สามารถพิจารณาอนุญาตให้ผ่านไปได้ หรือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ผ่านสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี หรือหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าไปเชื่อมความสัมพันธ์ต่อกันได้เช่นกัน และถ้าหากมีการผลักดันให้เกิดการเปิดด่านถาวรได้โดยเร็ว เชื่อว่าจะมีการลงทุน และเศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
“เพราะจากการพูดคุยกับนักธุรกิจชาวพม่าเองเขาก็ต้องการให้มีการเปิดด่านถาวรโดยเร็วเช่นกัน เพราะเขาต้องการใช้เส้นทางนี้ในการสั่งซื้อสินค้าด้านการเกษตรจากไทย ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่เร็วขึ้น อีกทั้งยังทำให้ลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้เป็นอย่างมากอีกด้วย” นายสรรเพชญกล่าว